xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เชี่ยวชาญเตือนเวียดนามเกินดุลการค้าสหรัฐฯ อาจจุดชนวนตึงเครียดหากทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์ - นักวิเคราะห์เตือนว่าการเกินดุลการค้าจำนวนมากกับสหรัฐฯ ของเวียดนาม อาจจุดชนวนความตึงเครียดกับวอชิงตันในกรณีที่ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในขณะที่การส่งออกแผงโซลาร์เซลล์และผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าอื่นๆ กำลังเฟื่องฟู

ผลการหยั่งเสียง ‘ซูเปอร์ทิวส์เดย์’ เมื่อสัปดาห์ก่อนได้ยืนยันว่าการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. จะเป็นการล้างตาระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ในการดำรงตำแหน่งสมัยแรกมีท่าทีผ่อนปรนน้อยกว่าไบเดนต่อความไม่สมดุลทางการค้า

เมื่อปีที่ผ่านมา ศูนย์กลางการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้มียอดเกินดุลการค้ากับวอชิงตันถึง 104,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าจีน สหภาพยุโรป และเม็กซิโก ตามข้อมูลของสหรัฐฯ

“เวียดนามมีความเสี่ยงต่อนโยบายปกป้องทางการค้าของสหรัฐฯ มากที่สุด” BMI บริษัทวิจัยและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Fitch Ratings ระบุ

รายงานระบุว่าในบรรดาประเทศที่ไม่มีข้อตกลงการค้าเสรีกับวอชิงตัน เวียดนามเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกอุปกรณ์ไฟฟ้าและสินค้าอื่นๆ มากที่สุด ซึ่งมีแนวโน้มจะตกเป็นเป้าภาษีมากกว่าในกรณีที่ทรัมป์ได้บริหารประเทศ

เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน คิดเป็นประมาณ 36% ของการส่งออกมูลค่า 114,000 ล้านดอลลาร์ของเวียดนามไปยังสหรัฐฯ เมื่อปีก่อน

ในจำนวนนี้เกือบ 5,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 3,200 ล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า เป็นมูลค่าการส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งวอชิงตันติดตามอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับความเสี่ยงของการขนถ่ายสินค้าจากจีนและใช้วัตถุดิบจากซินเจียง ที่ทั้งคู่อยู่ภายใต้การคว่ำบาตร โดยกลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่าจีนละเมิดสิทธิชาวอุยกูร์ในซินเจียง ซึ่งปักกิ่งปฏิเสธ

นักการทูตตะวันตกในกรุงฮานอยกล่าวว่าการค้าเกินดุลการค้าของเวียดนามจะเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในความสัมพันธ์กับวอชิงตันเมื่อทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาว

แต่เขาคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของเวียดนาม ที่ไบเดนผลักดันที่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายคบค้าแต่หมู่มิตร (Friendshoring) เพื่อลดความเสี่ยงของบริษัทต่างๆ ที่เผชิญความเสี่ยงจากจีน

ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามไม่ได้ตอบคำร้องขอความเห็นจากรอยเตอร์ในประเด็นนี้

แต่อย่างไรก็ตาม เวียดนามอาจได้ประโยชน์จากการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ของทรัมป์ โดยข้อได้เปรียบจากท่าทีแข็งกร้าวของทรัมป์ต่อจีนนั้นมีมากกว่าความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการค้าในระหว่างการดำรงตำแหน่งของเขา ตัวแทนของบริษัทเวียดนามกล่าว แต่ปฏิเสธที่จะระบุตัวตนเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อ

เวียดนามเป็นหนึ่งประเทศที่ได้รับประโยชน์จากบริษัทต่างๆ ที่ต้องย้ายกิจกรรมบางอย่างออกจากจีน หลังจากทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้าจีน

แนวโน้มดังกล่าวคาดว่าจะยิ่งเข้มข้นขึ้นภายใต้การบริหารของทรัมป์ ฟลอเรียน เฟย์ราเบนด์ ตัวแทนในเวียดนามของมูลนิธิ Konrad Adenauer Foundation ของเยอรมนี กล่าว

แต่ “แรงกดดันของสหรัฐฯ ต่อนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น” เขากล่าวเสริม และระบุว่าการเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์อาจนำนโยบายการทำธุรกรรมกลับมา และเพิ่มแรงกดดันต่อฮานอยให้ลดระดับความสัมพันธ์กับจีนและรัสเซีย.
กำลังโหลดความคิดเห็น