นิกกี เฮลีย์ ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 คว้าชัยในศึกหยั่งเสียงแบบไพรมารีของพรรค ในวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันอาทิตย์ (3 มี.ค.) นับเป็นชัยชนะของเธอครั้งแรกในกระบวนการเสนอตัวและเป็นชัยชนะในเชิงสัญลักษณ์ของอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติรายนี้
สถาบันวิจัยเอดิสัน ระบุว่า เฮลีย์ ผู้ท้าทายหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกชิงตัวแทนพรรครีพัยลิกัน คว้าชัยเหลืออดีตประธานาธิบดี ที่คะแนน 62.9% ต่อ 33.2%
อย่างไรก็ตาม เธอยังคงเผชิญกับศึกเดิมพันที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยในการต่อสู้เพื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ลงทำศึกชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต เนื่องจาก ทรัมป์ กวาดชัยไปใน 8 สนามแรกของศึกหยั่งเสียง ด้วยคะแนนทิ้งห่าง ก่อนจะมาพ่ายแพ้ต่อ เฮลีย์ ในเมืองหลวงของอเมริกา
นอกจากนี้ อ้างอิงจากผลสำรวจความคิดเห็นต่างๆ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ยังได้รับการคาดหมายด้วยว่าจะคว้าชัยเกือบทุกสนามของศึกหยั่งเสียงที่กำลังมาถึงในอนาคตข้างหน้านี้
วอชิงตัน ดี.ซี. เป็นตัวเมือง 100% และมีสัดส่วนพลเรือนที่จบการศึกษาในระดับปริญญาในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง ในขณะที่แก่นกลางฐานเสียงของทรัมป์นั้นอยู่ในชนบท และเขาได้รับความนิยมอย่างสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามพื้นที่ต่างๆ ที่พลเมืองมีการศึกษาในระดับต่ำ
เมืองแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของลูกจ้างรัฐบาลกลางจำนวนมาก ที่บรรดาพันธมิตรของทรัมป์ ประกาศจะไล่ออกหมู่และแทนที่ด้วยเหล่าผู้ภักดี หากเขาได้รับชัยชนะในเดือนพฤศจิกายน บางส่วนของลูกจ้างรัฐบาลถูกข่มขู่เอาชีวิตเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และบ่อยครั้ง ทรัมป์ มักพาดพิงพื้นที่ ดี.ซี. ว่าเป็นปลักโคลน
เฮลีย์ จะได้เลือกผู้แทน 19 คน จากชัยชนะของเธอในครั้งนี้ แต่มันถือเป็นสัดส่วนน้อยนิด จากคณะผู้แทน 1,215 คน ที่จำเป็นสำหรับการก้าวมาเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน
ชัยชนะของเฮลีย์ในครั้งนี้ อาจเป็นเพียงการกลบเสียงจากพวกนักวิพากษ์วิจารณ์ที่ตั้งข้อสงสัยว่าเธอจะคว้าชัยชนะแม้แต่สนามเดียวได้หรือไม่ และชาวรีพับลิกันบางส่วนอาจมองความนิยมของเธอในวอชิงตัน เป็นเรื่องลบมากกว่า เนื่องจากบรรดาผู้นำทั้งหลายภายในพรรค ในนั้นรวมถึง ทรัมป์ วาดภาพเหมืองแห่งนี้ในฐานะแพร่ระบาดไปด้วยอาชญากรรม และบริหารงานโดยชนชั้นสูงที่แตะต้องไม่ได้
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชาวรีพับลิกันในเมืองหลวง ให้การปฏิเสธทรัมป์ โดยระหว่างศึกหยั่งเสียง ในการชิงเป็นตัวแทนพรรคหนก่อนหน้านี้เมื่อปี 2016 ทรัมป์ ได้รับคะแนนเสียงไม่ถึง 14% และไม่มีผู้แทนจากรัฐแห่งนี้ อย่างไรก็ตามเขาไปคว้าชัยในการประชุมใหญ่พรรค เลือกตัวแทนพรรคลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอยู่ดี
ในวันอังคาร (5 มี.ค.) ผู้มีสิทธิออกเสียงใน 15 รัฐและ 1 ดินแดนของสหรัฐฯ จะใช้สิทธิออกเสียงแบบคอคัส หรือเดินทางไปหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ในวันที่มีศึกหยั่งเสียงชิงเป็นตัวแทนพรรคในแบบไพรมารีมากที่สุด หรือที่เรียกว่า "ซูเปอร์ทิวเดย์" โดยมีคะแนนจากคณะผู้แทนรีพับลิกันถึง 874 เสียง ให้ชิงชัย
(ที่มา : รอยเตอร์)