ผู้บัญชาการรายหนึ่งของคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์ ถูกสังหารในปฏิบัติการโจมตีหนึ่งของสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (7 ก.พ.) ขณะที่พวกติดอาวุธในอิรักกลุ่มนี้ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ถูกกระทรวงกลาโหมอเมริกา (เพนตากอน) กล่าวโทษว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีสังหารกำลังพลสหรัฐฯ
"กองกำลัง (สหรัฐฯ) ปฏิบัติการโจมตีฝ่ายเดียวในอิรัก ตอบโต้เหตุโจมตีต่างๆ เล่นงานกำลังพลอเมริกา สังหารผู้บัญชาการรายหนึ่งของคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์ ที่รับผิดชอบโดยตรงต่อการวางแผนและมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุโจมตีกองกำลังสหรัฐฯ ในภูมิภาค" ถ้อยแถลงของกองทัพสหรัฐฯ ระบุ แต่ไม่พาดพิงชื่อของผู้บัญชาการรายนี้
ถ้อยแถลงระบุว่าไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่ามีพลเรือนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากปฏิบัติการโจมตีดังกล่าว
แหล่งข่าวด้านความมั่นคง 2 ราย ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม เปิดเผยว่าผู้บัญชาการรายนี้ได้แก่ อาบู บากีร์ อัล-ซาดี เสียชีวิตในปฏิบัติการโดรนโจมตีในยานพาหนะคันหนึ่งทางตะวันออกของแบกแดด
หนึ่งในแหล่งข่าวบอกว่ามีผู้เสียชีวิต 3 ราย และยานพาหนะที่เป็นเป้าหมายนั้นถูกใช้งานโดยกองกำลังระดมประชาชน (Popular Mobilization Forces หรือ PMF) ของอิรัก หน่วยงานความมั่นคงของรัฐ ที่ประกอบด้วยกลุ่มติดอาวุธหลายสิบกลุ่ม ในนั้นหลายกลุ่มมีความใกล้ชิดกับอิหร่าน
พวกนักรบและบรรดาผู้บัญชาการของคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์ เป็นส่วนหนึ่งของ ในขณะที่เพนตากอน กล่าวหาว่าการเสียชีวิตของกำลังพลสหรัฐฯ 3 นาย ในเหตุโดรนโจมตีใกล้ชายแดนจอร์แดน-ซีเรีย เมื่อเดือนมกราคม มีร่องรอยของพวกคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์ และจากนั้นทางกลุ่มได้แถลงระงับปฏิบัติการด้านการทหารเล่นงานกำลังพลสหรัฐฯ ในภูมิภาค อ้างว่าไม่ต้องการสร้างความลำบากใจแก่รัฐบาลอิรัก
ในอิรักและซีเรีย พบเห็นการโจมตีแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ตอบโต้กันไปมาระหว่างพวกกลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านกับกองกำลังสหรัฐฯ ที่ประจำการในภูมิภาคนี้ นับตั้งแต่สงครามระหว่างฮามาสกับอิสราเอลในฉนวนกาซา เริ่มต้นขึ้นในเดือนตุลาคม
สหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีกลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในอิรักและซีเรีย เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว ในสิ่งที่พวกเขาบอกว่าเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการตอบโต้แก้แค้นเหตุสังหารกำลังพลสหรัฐฯ 3 นาย
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมกราคม โดรนโจมตีลำหนึ่งของสหรัฐฯ สังหารผู้บัญชาการระดับสูงรายหนึ่งของพวกนักรบ ในใจกลางกรุงแบกแดด การโจมตีที่วอชิงตันบอกว่าเป็นการตอบโต้เหตุโจมตีด้วยโดรนและจรวดที่เล่นงานกำลังพลของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
(ที่มา : รอยเตอร์)