แมคโดนัลด์อ้างอิงสงครามของอิสราเอลในกาซา คือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ยักษ์ใหญ่ฟาสต์ฟูดแห่งนี้มียอดขายรายไตรมาสไม่เป็นไปตามเป้าหมายเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 ปี
คริส เคมป์ชินสกี ซีอีโอของแมคโดนัลด์ ระบุเมื่อวันจันทร์ (5 ก.พ.) ว่าสงครามได้ส่งผลกระทบอย่างน่าห่อเหี่ยวต่อยอดขายในบรรดาประเทศตะวันออกกลาง และในประเทศอื่นๆ ที่มีชาวมุสลิมเป็นคนส่วนใหญ่ อย่างเช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
"ตราบใดที่ความขัดแย้งนี้ สงครามนี้ยังคงเดินหน้าต่อไป เราไม่คาดหมายว่าจะพบเห็นสถานการณ์ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในเรื่องนี้" เคมป์ชินสกีกล่าว "สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นโศกนาฏกรรมของมนุษย์ และผมคิดว่ามันเป็นตัวถ่วงของแบรนด์ต่างๆ อย่างเช่นแบรนด์ของเรา"
จากข้อมูลพบว่ายอดขายของเครือข่ายฟาสต์ฟูดชื่อดังแห่งนี้ในตะวันออกกลาง จีน และอินเดีย ระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม เติบโตเพียงแค่ 0.7% ขณะที่ตลาดคาดหมายว่าจะเติบโตถึงราว 5.5%
ยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้ามีขึ้นหลังจากบรรดาผู้บริโภคในประเทศมุสลิมทั้งหลาย เรียกร้องให้บอยคอตแมคโดนัลด์ ตอบโต้กรณีที่แฟรนไชส์แมคโดนัลด์ในอิสราเอล บริจาคอาหารฟรีหลายหมื่นชุดแก่กองทัพอิสราเอล
ตามหลังคำแถลงของแมคโดนัลด์อิสราเอล บรรดาแฟรนไชส์ในซาอุดีอาระเบีย โอมาน คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จอร์แดน อียิปต์ บาห์เรน และตุรกี ต่างปลีกตัวห่างจากการรับบริจาค และหันมาสัญญาร่วมกันว่าจะมอบเงินหลายล้านดอลลาร์สำหรับช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ในกาซา
แม้แมคโดนัลด์ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในชิคาโก เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นหนึ่งของแบรนด์สหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด แต่สาขาทั่วโลกเกือบทั้งหมดปฏิบัติการและถือครองความเป็นเจ้าของโดยธุรกิจท้องถิ่น
เมื่อเดือนที่แล้ว เคมป์ชินสกี ยอมรับว่าสงครามและการบิดเบือนข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กำลังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจของทางบริษัทในภูมิภาคตะวันออกกลาง หลังจากแมคโดนัลด์เป็นหนึ่งในแบรนด์ตะวันตกหลายๆ แบรนด์ที่ถูกบอยคอต สืบเนื่องจากถูกมองว่าให้การสนับสนุนอิสราเอล
สัปดาห์ที่แล้ว เครือข่ายกาแฟดัง "สตาร์บัคส์" ปรับลดตัวเลขประมาณการยอดขายรายปี อ้างอิงถึงภาวะตกต่ำในธุรกิจในตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแมคโดนัลด์นั้น แม้ยอดขายเหี่ยวแห้งลงในประเทศมุสลิมทั้งหลาย แต่ผลประกอบการในภาพรวมของทางบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยยอดขายทั่วโลกเติบโตขึ้น 3.4% จากที่เติบโตขึ้น 8.8% ในไตรมาสก่อนหน้านี้ "เรายังคงเชื่อมั่นในความยืดหยุ่นในธุรกิจของเรา ท่ามกลางความท้าทายมหภาคที่จะยืดเยื้อในปี 2024" เคมป์ชินสกีกล่าว
(ที่มา : อัลจาซีราห์)