ราคาน้ำมันลดลงมากกว่า 3% ในวันจันทร์ (30 ต.ค.) และวอลล์สตรีทพุ่งแรง คลายกังวลสงครามอิสราเอล-ฮามาส อาจลุกลามบายปลายขยายวงกว้าง อย่างไรก็ตามปัจจัยนี้ยังก่อความวิตกแก่นักลงทุนบางส่วน ผลักให้ทองคำพุ่งขึ้นไปอยู่เหนือ 2,000 ดอลลาร์อีกครั้ง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 3.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 3.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 87.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 3% ในวันศุกร์ (27 ต.ค.) หลังอิสราเอลยกระดับรุกรานทางภาคพื้นเข้าสู่ฉนวนกาซา โหมกระพือความกังวลว่าความขัดแย้งอาจลุกลามบายปลายในภูมิภาค ที่มีกำลังผลิตน้ำมันคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของกำลังผลิตน้ำมันโลก อย่างไรก็ตามความกังวลดังกล่าวผ่อนคลายลงไปในวันจันทร์ (30 ต.ค.)
"สถานการณ์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์สงครามดูเหมือนจะหนักหน่วงขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ก่อความยุ่งเหยิงทางอุปทาน" ฟิล ฟลินส์ นักวิเคราะห์จากไฟรซ์ ฟิวเจอร์ กรุ๊ป กล่าว
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (30 ต.ค.) ปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง จับตาที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ และนักลงทุนตรึกตรองความเสี่ยงของความขัดแย้งระดับภูมิภาคในตะวันออกกลาง
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 511.37 จุด (1.58 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 32,928.96 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 49.45 จุด (1.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,166.82 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 146.47 จุด (1.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,789.48 จุด
"ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นเนื่องจากมีความกังวลลดน้อยลงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ลุกลามของสงคราม และมีขึ้นตามหลังรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากแม็คโดนัลด์ส" เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์จากออนดา เทรดดิ้ง กล่าว
นอกจากนี้ พวกนักลงทุนยังจับตาการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟดในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความคาดหมายว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม ในที่ประชุม 2 วันของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินในวันพุธ (1 พ.ย.)
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดทองคำ สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับฮามาสยังผลักให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำในวันจันทร์ (30 ต.ค.) แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 7.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,005.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)