อิหร่านขู่ในวันพุธ (31 ม.ค.) พร้อมตอบโต้ขั้นเด็ดขาด หากถูกอเมริกาโจมตี หลังไบเดนประกาศว่า ตัดสินใจแล้วว่า จะแก้แค้นอย่างไรกับเหตุโดรนโจมตีฐานทัพสหรัฐฯในจอร์แดนที่ทำให้ทหารอเมริกันเสียชีวิต 3 นาย พร้อมระบุว่าเตหะรานต้องรับผิดชอบในฐานะผู้จัดหาอาวุธในการโจมตี ขณะที่ในอีกด้านหนึ่งฮามาสเผยกำลังพิจารณาข้อเสนอใหม่ในการหยุดยิงแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวประกันอิสราเอล
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังถูกกดดันอย่างหนักขณะที่สหรัฐฯเข้าสู่กระบวนการหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ตอนปลายปีนี้ ประกาศเมื่อวันอังคาร (30) ว่า ตัดสินใจแล้วว่า จะตอบโต้อย่างไรกับการโจมตีที่สังหารทหารอเมริกันไป 3 นาย บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 40 คนในฐานทัพที่มีชื่อว่า “ทาวเวอร์ 22” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนของจอร์แดนประชิดกับซีเรีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28)
ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่า ไม่ต้องการให้สงครามลุกลามในตะวันออกกลาง แต่สำทับว่า อิหร่านต้องรับผิดชอบในฐานะผู้จัดหาอาวุธให้แก่กลุ่มนักรบที่โจมตีฐานทัพในจอร์แดนแห่งนั้น ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งแรกที่มีทหารอเมริกันเสียชีวิตนับจากที่สงครามปะทุขึ้นในกาซาเมื่อต้นเดือนตุลาคม
ทำเนียบขาวยังเตือนว่า อาจใช้มาตรการหลายอย่างในการตอบโต้
ทว่า เมื่อคืนวันอังคาร อามีร์ ซาอิด อิราวานี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติ ประกาศระหว่างแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวอิหร่านว่า เตหะรานจะตอบโต้ขั้นเด็ดขาดกับการโจมตีประเทศ ผลประโยชน์ และพลเมืองอิหร่านไม่ว่าด้วยข้ออ้างใดๆ ก็ตาม
วันต่อมา (31) อยาตอลลาห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ย้ำว่า เตหะรานจะไม่ปล่อยผ่านการข่มขู่โดยที่ไม่ตอบโต้ และสำทับว่า อิหร่านไม่ได้ต้องการสงคราม แต่ก็ไม่กลัวสงคราม
ในอีกด้านหนึ่ง พวกกบฏฮูตีในเยเมน ยังคงเปิดการโจมตีในทะเลแดง เป้าหมายล่าสุดคือเรือพิฆาตยูเอสเอส เกรฟลีของสหรัฐฯ เมื่อคืนวันอังคาร
อย่างไรก็ตาม กองบัญชาการทหารด้านกลางของสหรัฐฯ (US CENTCOM) แถลงว่า เรือยูเอสเอส เกรฟลี สามารถทำลายขีปนาวุธต่อสู้เรือของฮูตีได้ โดยไม่มีผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายใดๆ
สำหรับที่ฉนวนกาซา ผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่า อิสราเอลยังระดมโจมตีทางอากาศพื้นที่บางส่วนในเมืองข่านยูนิส ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของกาซาอย่างต่อเนื่องเมื่อวันพุธ เวลาเดียวกันก็โจมตีกาซาซิตี้ เมืองใหญ่ที่สุดของกาซาที่อยู่ทางตอนเหนือ และค่ายผู้ลี้ภัยอัล-นูเซรัต บริเวณตอนกลางของกาซา
นอกจากนั้นกองทัพอิสราเอลยังเปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า ได้เริ่มสูบน้ำเข้าไปท่วมเครือข่ายอุโมงค์ “กาซา เมโทร” เพื่อทำลายภัยคุกคามจากเครือข่ายใต้ดินของฮามาส
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นขณะที่ฮามาสเผยว่า กำลังศึกษาข้อเสนอใหม่ในการหยุดยิงและปล่อยตัวประกันในกาซา ซึ่งดูเหมือนเป็นแผนการริเริ่มด้านสันติภาพที่จริงจังที่สุดในสงครามครั้งนี้
เจ้าหน้าที่อาวุโสของฮามาสเผยว่า ข้อเสนอใหม่เกี่ยวข้องกับการหยุดยิง 3 ขั้นตอน ซึ่งระหว่างนั้นฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 3 ชุด ชุดแรกคือพลเรือน ชุดที่ 2 คือทหาร และสุดท้ายคือร่างตัวประกันที่เสียชีวิต
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ผู้นี้ไม่ได้ระบุว่า ขั้นตอนทั้งสามจะใช้เวลานานเท่าใด หรือจะเกิดอะไรขึ้นหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนสุดท้าย
ก่อนหน้านี้ อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำของฮามาส เผยว่า ได้เดินทางไปไคโรเพื่อหารือข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกในรอบกว่าเดือน และตอกย้ำความจริงจังในการเจรจา
กระนั้น นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลยังคงย้ำว่า จะไม่ถอนทหารอิสราเอลออกจากกาซาจนกว่าจะได้ชัยชนะเบ็ดเสร็จ สะท้อนจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อการระงับการสู้รบแม้เพียงชั่วคราวระหว่างคู่สงคราม โดยอิสราเอลนั้นประกาศว่า จะรบต่อจนกว่าจะทำลายกลุ่มฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซามาตั้งแต่ปี 2007 ให้สิ้นซาก
ด้านฮามาสยืนกรานว่า จะยอมปล่อยตัวประกันที่เหลืออยู่ที่จับมาจากอิสราเอลระหว่างการบุกโจมตีเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกาซา หากเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงในการยุติสงครามอย่างถารเท่านั้น
(ที่มา: เอพี, เอเอฟพี, รอยเตอร์)