“ไบเดน”ประกาศตอบโต้ เชื่อกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านส่งโดรนโจมตีฐานในจอร์แดน ทำให้ทหารอเมริกันเสียชีวิต 3 นายและบาดเจ็บอีกกว่า 30 เมื่อวันอาทิตย์ (28 ม.ค.) ด้านเตหะรานยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่อิสราเอลเผยการเจรจาหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกันคืบหน้า แต่ยังมีจุดสำคัญซึ่งไม่ลงตัว
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า แม้เวลานี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเรื่องค่ายทหารอเมริกันในจอร์แดนถูกโจมตี แต่อเมริการู้แล้วว่า เป็นฝีมือกลุ่มติดอาวุธในซีเรียและอิรักที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ซึ่งจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวในเวลาและวิธีการที่สหรัฐฯเป็นผู้เลือกว่าจะลงโทษอย่างไร
ไบเดนยังย้ำระหว่างการไว้อาลัยให้ทหารอเมริกันที่เสียชีวิตที่โบสถ์แห่งหนึ่งในรัฐเซาท์แคโรไลนาว่า อเมริกาจะต้องตอบโต้
นอกจากนั้น แม้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ แต่เดวิด คาเมรอน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ย้ำข้อเรียกร้องให้อิหร่านทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางผ่อนคลายลง พร้อมทั้งประณามการโจมตีในจอร์แดนว่า เป็นฝีมือกลุ่มติดอาวุธที่เตหะรานหนุนหลัง
ทว่า ผู้แทนของอิหร่านในสหประชาชาติ บอกกับสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการเตหะรานว่า อิหร่านไม่เกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าว และ นัสเซอร์ คานาอานี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน สำทับว่า การกล่าวหาของตะวันตกมีเป้าหมายเฉพาะเจาะจงทางการเมืองเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ในวันจันทร์ (29) อิหร่านยังจัดการประหารชีวิตชาย 4 คนที่ถูกตัดสินว่า เป็นสายลับให้อิสราเอล
ขณะเดียวกัน ซามี อบู ซูฮ์รี โฆษกกลุ่มฮามาส ประกาศว่า การโจมตีในจอร์แดนเป็นการส่งข้อความถึงคณะบริหารสหรัฐฯ และระบุว่า การรุกรานของอเมริกาและอิสราเอลในกาซาที่ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง เสี่ยงที่จะทำให้ตะวันออกกลางระเบิด
กองบัญชาการทหารด้านกลางของสหรัฐฯ (CENTCOM) ซึ่งมีความรับผิดชอบครอบคลุมภูมิภาคตะวันออกกลาง ออกมาแถลงเมื่อคืนวันอาทิตย์ว่า “ทาวเวอร์ 22” ซึ่งเป็นฐานสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงของสหรัฐฯในจอร์แดน ถูกโจมตีในวันเดียวกัน ทำให้ทหารเสียชีวิต 3 นาย และได้รับบาดเจ็บ 34 นาย
ค่ายแห่งนี้มีทหารสหรัฐฯ อยู่ราว 350 นายทำหน้าที่ให้การสนับสนุน ซึ่งรวมถึงแก่กลุ่มแนวร่วมนานาชาติเพื่อต่อต้านพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส)
มูฮันหนัด มูไบดิน โฆษกรัฐบาลจอร์แดน ประณามการโจมตีดังกล่าว เช่นเดียวกับบาห์เรนและอียิปต์
จากการที่สถานการณ์การสู้รบขัดแย้งในตะวันออกกลาง ทำท่าบานปลายขยายตัวภายหลังอิสราเอลเปิดสงครามถล่มโจมตีใส่ฉนวนกาซาจนยับเยินและเกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมขึ้น กำลังกลายเป็นความท้าท้ายสำคัญสำหรับไบเดน ขณะที่อเมริกาอยู่ในกระบวนการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีตอนปลายปีนี้
พวกนักการเมืองจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งรวมถึงอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวเก็งที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมัครของรีพับลิกันลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง พากันถือโอกาสนี้ออกมาโจมตีไบเดนและพรรคเดโมแครตอย่างรวดเร็ว โดยระบุว่า สถานการณ์ในตะวันออกกลางขณะนี้เป็นผลจากความอ่อนแอและการยอมจำนนของไบเดน
ที่ผ่านมา กองกำลังของอเมริกาและพันธมิตรในอิรักและซีเรียถูกโจมตีกว่า 150 ครั้งแล้วนับจากกลางเดือนตุลาคม และวอชิงตันก็ได้โจมตีตอบโต้ในทั้งสองประเทศ
กลุ่มพันธมิตรที่ใช้ชื่อว่า กลุ่มอักษะแห่งการต่อต้าน ออกมาประกาศความรับผิดชอบการโจมตีในอิรักหลายครั้ง โดยเห็นกันว่ากลุ่มนี้เป็นการรวมตัวอย่างหลวมๆ ของพวกกลุ่มติดอาวุธที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน ที่ต่อต้านทั้งอเมริกาและอิสราเอลโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังเกิดสงครามกาซา
ความขัดแย้งครั้งล่าสุดระหว่างอิสราเอลกับฮามาสเริ่มต้นขึ้นเมื่อนักรบปาเลสไตน์กลุ่มนี้บุกข้ามแดนเข้าไปในอิสราเอลและสังหารเหยื่อราว 1,140 คน รวมทั้งจับตัวประกันกว่า 200 คนกลับไปยังกาซา และอิสราเอลตอบโต้ด้วยปฏิบัติการทางทหารอย่างรุนแรงต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาอย่างน้อย 26,422 คนแล้ว
การปฏิบัติการของอิสราเอลยังสร้างความไม่พอใจให้ชาติต่างๆ ในตะวันออกกลาง และเกิดเหตุการณ์รุนแรงปะทุขึ้นหลายครั้งซึ่งเกี่ยวข้องกับพวกกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ทั้งในเลบานอน อิรัก ซีเรีย และเยเมน
โดยที่เลบานอน อิสราเอลยิงตอบโต้กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เกือบทุกวัน ส่วนที่เยเมนนั้น สหรัฐฯและอังกฤษได้โจมตีที่มั่นของกบฏฮูตีในประเทศนั้น เพื่อตอบโต้ที่กลุ่มนี้โจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงหลายครั้งเพื่อแสดงการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในกาซา
สำหรับสถานการณ์ในกาซาเองนั้น เมื่อวันอาทิตย์ สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลแถลงว่า ยังมี “ข้อแตกต่างสำคัญ” ภายหลังการเจรจากับตัวแทนจากอเมริกา กาตาร์ และอียิปต์ในวันเดียวกัน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ
ก่อนการเจรจาดังกล่าว เจ้าหน้าที่อาวุโส 2 คนของคณะบริหารของไบเดนเผยว่า การหารือมีความคืบหน้าเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการหยุดยิงในกาซานาน 2 เดือน แลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวประกัน โดยที่จะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ระยะแรกคือในช่วง 30 วันแรกฮามาสจะปล่อยตัวประกันซึ่งเป็นผู้หญิง ผู้สูงวัย และผู้บาดเจ็บ นอกจากนั้นยังมีการเรียกร้องให้อิสราเอลยอมให้มีการจัดส่งความช่วยเหลือเพิ่มเติมเข้าสู่กาซา
กระนั้น โยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ประกาศว่า แม้อิสราเอลกำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเพื่อปล่อยตัวประกัน แต่ตราบที่ตัวประกันยังอยู่ในกาซา อิสราเอลจะระดมแรงกดดันทางทหารอย่างเข้มข้นต่อไป
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)