กองกำลังสหรัฐฯ โจมตีขีปนาวุธต่อต้านเรือลูกหนึ่งของฮูตี ในเยเมน ที่เชื่อว่าพร้อมยิงออกมาในวันเสาร์ (27 ม.ค.) ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกบฏที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านกลุ่มนี้โจมตีเรือบรรทุกน้ำมันสหราชอาณาจักร จนทำให้เกิดไฟลุกไหม้บนเรือ ในอ่าวเอเดน ด้วยกระสุนคล้ายๆ กัน
ทางกองกำลังสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ระบุว่าปฏิบัติการโจมตีของพวกเขาเล็งเป้าลดศักยภาพของฮูตี ในการเล่นงานเรือต่างๆ ที่ล่องผ่าน "ทะเลแดง" เส้นทางการค้าที่สำคัญ การโจมตีที่พวกกบฏบอกว่าเพื่อเป็นการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ดินแดนที่อิสราเอลกำลังสู้รบกับฮามาส
วอชิงตันปฏิบัติการโจมตีทางอากาศแต่เพียงฝ่ายเดียวไปแล้วหลายรอบ แต่พวกฮูตีประกาศจะเดินหน้าการโจมตีของตนเองต่อไป
กองบัญชาการกลางแห่งกองทัพสหรัฐฯ (CENTCOM) เปิดเผยว่าพวกเขาได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอีกรอบในวันเสาร์ (27 ม.ค.) เล่นงานขีปนาวุธต่อต้านเรือของฮูตีที่เล็งใส่ทะเลแดง และเตรียมพร้อมสำหรับจะทำการยิงแล้ว
สถานีโทรทัศน์อัล-มาซิยาห์ ของพวกฮูตี กล่าวว่าสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ 2 เที่ยว ใส่ท่าเรือราสอิสซา ในจังหวัดโฮเดดา ของเยเมน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีส่งออกน้ำมันหลักของประเทศ
ยังไม่มีคำยืนยันอย่างเป็นทางการจากวอชิงตันและลอนดอน ส่วนพวกฮูตีไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับเหตุโจมตีหรือขอบเขตความเสียหาย
ก่อนหน้านี้ ยาห์ยา ซารี โฆษกของกองทัพฮูตี บอกว่าขีปนาวุธที่กลุ่มกบฏยิงออกไปพุ่งโดนเรือบรรทุกน้ำมัน "มาร์ลิน ลูอันดา" ที่ปฏิบัติการโดยบริษัทแห่งหนึ่งของสหราชอาณาจักร ในนามของทราฟิกูรา กรุ๊ป "การโจมตีพุ่งโดนโดยตรง และผลลัพธ์ทำให้ไฟลุกไหม้เรือ"
CENTCOM ยืนยันในเวลาต่อมาว่าขีปนาวุธพุ่งโดนเรือ พร้อมบอกว่าได้เกิดไฟลุกไหม้ครั้งใหญ่ "เรืออื่นๆ แล่นเข้ามาช่วยเหลือเรือ ในนั้นรวมถึงเรือยูเอสเอส คาร์นีย์, FS Alsace เรือฟริเกตของกองทัพเรือฝรั่งเศส และเรือฟริเกต INS Visakhapatnam ของกองทัพเรืออินเดีย"
"ต้องขอบคุณการตอบสนองที่รวดเร็วจากกองทัพเรือสหรัฐฯ อินเดีย และฝรั่งเศส ตอนนี้ไฟดับมอดลงแล้ว" ถ้อยแถลงระบุในวันเสาร์ (27 ม.ค.) "ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในการโจมตี เรือยังคงแล่นได้ต่อไปและกลับสู่เส้นทางเดิมแล้ว"
กองทัพเรืออินเดียเปิดเผยว่า เรือมาร์ลิน ลูอันดา มีลูกเรือชาวอินเดีย 22 คน และลูกเรือบังกลาเทศ 1 ราย พร้อมเผยบุคลากรดับเพลิงของกองทัพเรืออินเดีย 10 คน เข้าต่อสู้กับเปลวเพลิงร่วมกับพวกลูกเรือของเรือมาร์ลิน ลูอันดา เป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง จนกระทั่งสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้
ในวันศุกร์ (26 ม.ค.) กบฏฮูตียิงขีปนาวุธต่อต้านเรือจากเยเมน เข้าใส่เรือพิฆาตยูเอสเอส คาร์นีย์ ในอ่าวเอเดน "ยูเอสเอส คาร์นีย์ ประสบความสำเร็จในการสอยร่วงขีปนาวุธ ไม่รายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและความเสียหาย"
ฮูตี เริ่มต้นโจมตีเรือในทะเลแดงเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน พวกเขาอ้างว่าเล็งเป้าเล่นงานเรือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับชาวปาเลสไตน์ในกาซา กระตุ้นให้สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรเปิดปฏิบัติการโจมตีในเยเมนเป็นการตอบโต้ และนับตั้งแต่นั้นนักรบกลุ่มนี้ได้ประกาศว่าผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรเป็นเป้าโดยชอบธรรมด้วยเช่นกัน
แกรนท์ ชาปป์ส รัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักร ในวันเสาร์ (27 ม.ค.) ระบุว่ารัฐบาลของเขายังคง "มีความมุ่งมั่นเท่าที่เคยมีมา" ในการปกป้องเสรีภาพในการเดินเรือ แม้ต้องเผชิญกับการโจมตีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่อาจอดทนได้โดยฝีมือพวกฮูตี "หน้าที่ของเราคือปกป้องเสรีภาพการเดินเรือในทะเลแดง และเรายังคงมุ่งมั่นในเหตุผลนี้เช่นเดียวกับที่เคยเป็นมา"
เวลานี้กำลังเป็นแกนนำพันธมิตรนานาชาติปกป้องการเดินเรือในทะเลแดง ความพยายามที่เพนตากอนเปรียบเทียบกับเป็นการลาดตระเวนทางหลวงในน่านน้ำ
ขณะเดียวกัน วอชิงตันกำลังหาทางถาโถมแรงกดดันทั้งทางการทูตและการเงินเข้าใส่พวกฮูตี กลับมาขึ้นบัญชีดำในฐานะองค์กรก่อการร้ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากถอดพวกเขาพ้นจากบัญชีดำดังกล่าว ครั้งที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ
การโจมตีของพวกกบฏ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรต่อต้านอิสราเอลและตะวันตก ของกลุ่มตัวแทนและพันธมิตรอิหร่าน ได้ก่อความปั่นป่วนด้านการค้าในทะเลแดง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 12% ของการขนส่งทางเรือทั่วโลก
บริษัทเดินทางหลายแห่งตัดสินใจหลีกเลี่ยงน่านน้ำแห่งนี้ หันไปใช้เส้นทางแถวแหลมกู้ดโฮป ในแอฟริกาใต้ ซึ่งมีระยะทางไกลกว่าและใช้ต้นทุนสูงกว่าแทน
(ที่มา : เอเอฟพี)