อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และผู้ก่อตั้งเทสลา (Tesla) ออกมาเตือนในวันพุธ (24 ม.ค.) ว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนจะ “โค่น” ค่ายรถคู่แข่งทั่วโลก หากไม่มีอุปสรรคทางการค้ามาเป็นตัวกีดขวาง นับเป็นการสะท้อนมุมมองของผู้นำตลาดรถอีวีสหรัฐฯ ซึ่งกำลังเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดจากค่ายยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนอย่าง BYD ที่ชิงส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
คำแถลงของ มัสก์ มีขึ้นหลังจากที่ BYD ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมหาเศรษฐีพ่อมดการลงทุน วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก้าวแซงเทสลาขึ้นมาเป็นแบรนด์รถอีวีที่มียอดขายมากที่สุดในโลกในไตรมาส 4 ของปี 2023 แม้ว่าเทสลาจะงัดกลยุทธ์หั่นราคามาสู้ตลอดช่วงปีที่ผ่านมาก็ตาม
มัสก์ ได้พูดคุยกับบรรดานักวิเคราะห์เมื่อวันพุธ (24) ว่า ค่ายรถของจีนนั้น “มีศักยภาพในการแข่งขันสูงที่สุด” และ “จะสามารถประสบความสำเร็จนอกจีนแผ่นดินใหญ่ได้อย่างมีนัยสำคัญ หากปราศจากกำแพงภาษีหรืออุปสรรคทางการค้า”
“หากไม่มีการตั้งอุปสรรคทางการค้าขึ้นมา พวกเขาจะสามารถโค่นค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่ในโลกได้แน่นอน... เพราะพวกเขาเจ๋งมากจริงๆ”
รอยเตอร์รายงานว่า เทสลามีแผนเปิดตัวรถยนต์ crossover ราคาย่อมเยาที่ใช้โค้ดเนมว่า ‘เรดวูด’ (Redwood) ในช่วงกลางปี 2025 เพื่อแข่งขันกับรถยนต์อีวีจากค่ายอื่นที่ราคาไม่แพง ขณะที่ มัสก์ เองก็ยืนยันเมื่อวานนี้ (24) ว่าเทสลาจะเริ่มเปิดสายการผลิตรถยนต์อีวีรุ่นอนาคตที่โรงงานในรัฐเทกซัส ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2025
คำเตือนของ มัสก์ มีขึ้นท่ามกลางบรรยากาศการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ที่ทวีความร้อนแรง โดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ออกมาระบุว่า จีนมีเป้าหมายที่จะครองตลาดรถอีวีโลก ซึ่งตัวเขาเอง “จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น”
ด้านอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้สมัครเต็งหนึ่งของพรรครีพับลิกัน ก็ออกมาส่งสัญญาณเช่นกันว่า หากได้กลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้งจะใช้มาตรการรีดภาษีสินค้าหนักกว่าเดิม โดยเสนอให้ตั้งอัตราภาษี 10% สำหรับสินค้าที่นำเข้าสหรัฐฯ ทั้งหมด และให้ถอดสถานะของจีนออกจากการเป็นชาติที่ได้รับการอนุเคราะห์อย่างยิ่ง (most favoured nation) ในทางการค้าด้วย
ที่มา : รอยเตอร์