ราคาน้ำมันขยับขึ้น 1% แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์ในวันพุธ (24 ม.ค.) หลังพบคลังปิโตรเลียมสำรองสหรัฐฯ ลดลง จีนเคลื่อนไหวกระตุ้นเศรษฐกิจและดอลลาร์อ่อนค่า อย่างไรก็ตาม ทองคำปรับลด ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสาน แต่ได้แรงหนุนจากหุ้นบริษัทเทคโนโลยี
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ ปิดที่ 75.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ ปิดที่ 80.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ธนาคารกลางจีนจะปรับลดวงเงินสดที่ธนาคารต่างๆ ต้องถือสำรองไว้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ความเคลื่อนไหวที่คาดหมายว่าจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอันเปราะบาง
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ (อีไอเอ) เปิดเผยว่าบริษัทพลังงานทั้งหลายดึงน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองมากกว่าที่คาดหมายถึง 9.2 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 มกราคม ขณะที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าสต๊อกน้ำมันดิบจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าเงิน โดยดอลลาร์ที่อ่อนค่าทำให้น้ำมันดิบมีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
ส่วนราคาทองคำในวันพุธ (24 ม.ค.) ปรับลด จากข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ แต่การอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้โลหะมีค่าชนิดนี้ขยับลงไม่มากนัก โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 9.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,016.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานในวันพุธ (24 ม.ค.) โดยเอสแอนด์พี 500 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกรอบ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
ดาวโจนส์ ลดลง 99.06 จุด (0.26 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 37,806.39 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.95 จุด (0.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,868.55 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 55.97 จุด (0.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,481.92 จุด
ไมโครซอฟท์ดีดตัวขึ้น 1.3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดันมูลค่าตลาดของพวกเขา ขยับขึ้นเหนือ 3 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก
ดัชนีแนสแดคได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นเกือบ 12% ของราคาหุ้นบริษัทเน็ตฟลิกซ์ อิงค์ ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์รายใหญ่ของสหรัฐฯ หลังเปิดเผยรายได้และจำนวนสมาชิกสูงกว่าคาด
อัลฟาเบ็ท บริษัทแม่ของกูเกิล แอมะซอนดอทคอม และเมตา แฟลตฟอร์ม ส่วนหนึ่งของกลุ่มยักษ์ใหญ่ที่เรียกว่า Magnificent Seven group ซึ่งเป็นขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเอสแอนด์พี 500 มาตลอดปีที่แล้ว ต่างปิดบวกมากกว่า 1% ในวันพุธ (24 ม.ค.)
นักลงทุนจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทเทสลา อิงค์ หลังจากปิดตลาดในวันพุธ (24 ม.ค.) รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ในวันพฤหัสบดี (25 ม.ค.) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ (26 ม.ค.)
(ที่มา : รอยเตอร์)