พวกนักรบปาเลสไตน์ "ฮามาส" ในวันอาทิตย์ (21 ม.ค.) ปกป้องปฏิบัติการโจมตีเล่นงานอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม แต่ยอมรับ "มีข้อบกพร่องต่างๆ" และเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดรุกรานในฉนวนกาซา ดินแดนที่ทางกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่ายอดผู้เสียชีวิตพุ่งเกิน 25,000 รายแล้ว
ทางใต้ของกาซา คือสมรภูมิล่าสุดที่อิสราเอลมุ่งเน้นทำลายพวกนักรบอิสลามิสต์กลุ่มนี้ ที่อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีครั้งนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
ในรายงานที่เผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก ต่อเหตุโจมตีที่เป็นจุดเริ่มต้นของสงคราม ฮามาสบอกว่าพวกเขาได้ "ใช้มาตรการที่จำเป็น" กับอิสราเอล พวกที่รุกรานดินแดนปาเลสไตน์ และมันคือหนึ่งในหนทางที่จะรับประกันการปล่อยตัวบรรดานักโทษปาเลสไตน์
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศในเวลาต่อมา ว่าจะคว้าชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และรัฐบาลของเขาจะไม่ยอมรับเงื่อนไขต่างๆ ของพวกฮามาส สำหรับการปล่อยตัวประกันที่ยังคงถูกควบคุมตัวในกาซา
รายงาน 16 หน้าของฮามาส ยอมรับว่า "มีข้อบกพร่องบางอย่างเกิดขึ้น สืบเนื่องจากการพังครืนอย่างรวดเร็วของระบบความมั่นคงและทหารของอิสราเอล และก่อให้เกิดความยุ่งเหยิงตามพื้นที่ชายแดน"
สงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อกลุ่มมือปืนฮามาส บุกจู่โจมข้ามชายแดนจากกาซา เข้าไปโจมตีชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติบนท้องถนน ตามบ้านเรือนและคอนเสิร์ตกลางแจ้งในอิสราเอล ผลก็คือทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,140 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน นอกจากนี้ พวกนักรบยังจับตัวประกันไปราว 250 คน และอิสราเอลบอกว่าเวลานี้ยังเหลืออีกประมาณ 132 คนที่ถูกควบคุมตัวในกาซา
ฮามาส ซึ่งถูกสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปมองว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ระบุในรายงานว่าพวกนักรบของพวกเขามีพันธะต่อ "ค่านิยมอิสลาม" และหากว่ามีพลเรือนตกเป็นเป้าหมาย นั่นก็เพราะมันเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจเป็นอุบัติเหตุ และในระหว่างที่กำลังเผชิญหน้ากับกองกำลังผู้รุกราน"
ในรายงาน ได้เรียกร้องให้นำอิสราเอลไปลงโทษตามกฎหมาย รับผิดชอบต่อความทุกข์ทรมานของชาวปาเลสไตน์ และเรียกร้องให้ประชาชนทั่วโลกร่วมกันกดกันให้หยุดการยึดครอง
ทั้งนี้ ในความเคลื่อนไหวตอบโต้เหตุโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ทางอิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการรุกรานทางทหาร สังหารผู้คนในกาซาไปแล้วอย่างน้อย 25,105 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
เนทันยาฮู อยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักหน่วง ให้พาตัวประกันกลับมาและรับผิดชอบกับความล้มเหลวด้านความมั่นคง ในเรื่องเกี่ยวกับเหตุโจมตี 7 ตุลาคม โดยล่าสุดบรรดาญาติๆ และพวกผู้สนับสนุนตัวประกัน ได้ออกมาเดินขบวนอีกรอบในวันอาทิตย์ (21 ม.ค.) เรียกร้องให้ช่วยเหลือตัวประกันกลับบ้าน ใกล้ๆ ที่พักของเนทันยาฮู ในเยรูซาเลม
ในวิดีโอที่ปล่อยออกมา หลังจากฮามาสเผยแพร่รายงาน ทาง เนทันยาฮู บอกว่า "ในการแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวประกันของเรา ฮามาสต้องการยุติสงคราม ถอนกำลังของเราออกจากกาซา ปล่อยนักโทษปาเลสไตน์และรับประกันว่าฮามาสจะยังคงอยู่ในกาซา ถ้าเรายอมรับเงื่อนไขเหล่านี้ ทหารของเราจะตายอย่างสูญเปล่า และไม่อาจรับประกันด้านความมั่นคงใดๆ"
หน่วยงานต่างๆ ของสหประชาชาติเตือนเกี่ยวกับภาวะอดอยากและโรคร้าย ในขณะที่ชาวกาซาราว 1.9 ล้านคน จากทั้งหมดประมาณ 2.4 ล้านคน ต้องไร้ถิ่นฐาน ในนั้น 1.7 ล้านคนประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำ การดูแลรักษาทางการแพทย์และสิ่งจำเป็นอื่นๆ อย่างหนัก ในระหว่างที่ถูกทิ้งบอมบ์ถล่มในทุกๆ วัน
ยังคงมีความพยายามทางการทูตในการเสาะหาหนทางยกระดับส่งมอบความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เข้าสู่ฉนวนกาซา เช่นเดียวกับแสวงหาข้อตกลงหยุดยิง หลังจากข้อตกลงหยุดยิงก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน พบเห็นฮามาสปล่อยตัวประกันหลายสิบคน แลกกับการปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์ ที่อยู่ภายใต้การคุมตัวของอิสราเอล
ในวันอาทิตย์ (21 ม.ค.) รถบรรทุกสิ่งของบรรเทาทุกข์ 260 คัน ได้เคลื่อนเข้าสู่ฉนวนกาซา จากการเปิดเผยของ COGAT หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ที่รับผิดชอบด้านกิจการพลเรือนปาเลสไตน์ หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ (19 ม.ค.) สหประชาชาติรายงานว่ามีรถบรรทุก 288 คันเข้าไปยังกาซา แต่ตัวเลขดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าระดับก่อนเกิดสงครามอยู่มาก
อิสมาอิล ฮานิเยห์ แกนนำฮามาสที่พำนักในกาตาร์ ได้พบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี เพื่อหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวทางการทูตในวันอาทิตย์ (21 ม.ค.)
สหรัฐฯ บรรดาประเทศอาหรับ และรัฐบาลอื่นๆ กำลังหาทางออกหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความเป็นรัฐของปาเลสไตน์ แต่ เนทันยาฮู ปฏิเสธในเรื่องนี้ โดยบอกว่า "อิสราเอลต้องยังคงเป็นฝ่ายควบคุมด้านความมั่นคงเหนือกาซา" ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าพวกฮามาสปฏิเสธความพยายามใดๆ ของนานาชาติและอิสราเอล เกี่ยวกับการตัดสินอนาคตหลังสิ้นสุดสงครามของกาซา
สงครามโหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายในวงกว้าง ด้วยชายแดนทางเหนือของอิสราเอลติดกับเลบานอน พบเห็นการยิงปทะกันแทบทุกวันระหว่างกองกำลังอิสราเอลกับขบวนการเคลื่อนไหวฮิซบอลเลาะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
ปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลในวันอาทิตย์ (21 ม.ค.) เล่นงานทางใต้ของเลบานอน ได้ปลิดชีพนักรบฮิซบอลเลาะห์ 1 ราย ในขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงรายหนึ่ง ให้จำกัดความเป้าหมายของการโจมตี คือผู้บัญชาการระดับสูงรายหนึ่งของฮิซบอลเลาะห์ แต่บุคคลรายนี้รอดชีวิต
นอกจากนี้ อิสราเอลยังเผยด้วยว่าเครื่องบินรบของพวกเขาได้ทิ้งบอมบ์เล่นงานเป้าหมายต่างๆ ที่เป็นของพวกฮิซบอลเลาะห์ ทางใต้ของเลบานอนอีกระลอก
ทำเนียบขาวบอกว่าพวกเขาจริงจังอย่างสุดขั้วต่อเหตุโจมตีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ที่พวกกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ใช้ขีปนาวุธหลายลูกและยิงจรวดโจมตีฐานทัพแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่มั่นของทหารสหรัฐฯ ในอิรัก
เหตุโจมตีลักษณะดังกล่าวหลายสิบครั้งทั้งในอิรักและซีเรีย เกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคม ซึ่งส่วนใหญ่กล่าวอ้างความรับผิดชอบโดยกลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่มีความเกี่ยวข้องกับอิหร่านที่ต่อต้านกรณีสหรัฐฯ มอบแรงสนับสนุนแก่อิสราเอล อย่างไรก็ตามการใช้ขีปนาวุธโจมตีนั้นถือเป็นสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายขึ้นอีกขั้น
(ที่มา : เอเอฟพี)