องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) แถลงในวันพฤหัสบดี (18 ม.ค.) จะเริ่มต้นซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่สุดในรอบหลายทศวรรษในสัปดาห์หน้า เกี่ยวข้องกับกำลังพล 90,000 นาย และเป็นการทดสอบศักยภาพของพันธมิตรเป็นเวลานานหลายเดือน หากต้องเข้าพัวพันกับความขัดแย้งกับอริศัตรูอย่างเช่นรัสเซีย
การซ้อมรบ Steadfast Defender 2024 จะลากยาวไปจนถึงช่วงปลายเดือนพฤษภาคม และจะเกี่ยวข้องกับกองกำลังหน่วยต่างๆ ของรัฐสมาชิกนาโตทั้ง 31 ชาติ บวกกับว่าที่สมาชิกอย่างสวีเดน จากการเปิดเผยของ พล.อ.คริสโตเฟอร์ คาโวลี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพันธมิตรนาโตในยุโรป ที่บอกกับผู้สื่อข่าว
ในการซ้อมรบครั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรต้องการจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเสริมกำลังในพื้นที่ยูโร-แอตแลนติก ด้วยการเคลื่อนย้ายกองกำลังจากอเมริกาเหนือ ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
การซ้อมรบดังกล่าวจะประกอบด้วยการฝึกซ้อมแยกเล็กๆ หลายครั้ง ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่อเมริกาเหนือ ไปจนถึงปีกด้านตะวันออกของนาโต ที่อยู่ใกล้กับชายแดนรัสเซีย นอกจากนี้ มันจะเกี่ยวข้องกับเรือของกองทัพเรือ 50 ลำ อากาศยาน 80 ลำ และยานรบมากกว่า 1,100 คัน
ทั้งนี้ การซ้อมรบครั้งนี้ซึ่งถือว่าเป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การซ้อมรบ Reforger ปี 1988 ระหว่างสงครามเย็น เกิดขึ้นในขณะที่นาโตพยายามยกเครื่องด้านการป้องกันตนเอง ในยามที่ต้องเผชิญกับสงครามของรัสเซียในยูเครน
พันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ แห่งนี้ ได้ส่งกำลังพลหลายพันนายเสริมเข้ายังปีกทางตะวันตก และได้ร่างแผนอย่างครอบคลุมที่สุดนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต ในการปกป้องตนเองจากการโจมตีของรัสเซีย
พล.ร.อ.ร็อบ บาวเออร์ ประธานคณะกรรมการทหารของนาโต กล่าวว่าขนาดของการซ้อมรบครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมขั้นใหม่ของพันธมิตร "นี่คือจำนวนกำลังพลมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่เราดึงมาซ้อมรบ และจะมีการซ้อมรบภายในขนาดดังกล่าวทั่วพันธมิตร ทั่วมหาสมุทร จากสหรัฐฯ ไปจนถึงยุโรป"
บาวเออร์ ยังเตือนด้วยว่าเหล่าสังคมพลเรือนในบรรดาประเทศสมาชิกนาโตก็จำเป็นต้องเตรียมพร้อมให้ดีกว่าเดิม สำหรับรับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามใดๆ กับรัสเซียในอนาคต
"เราต้องตระหนักว่า ไม่มีอะไรรับประกันว่าเราจะอยู่อย่างสันติ และนั่นคือสาเหตุและเหตุผลที่เรากำลังเตรียมการสำหรับความขัดแย้ง เราไม่ได้แสวงหาความขัดแย้งใดๆ แต่ถ้าพวกเขาโจมตีเรา เราก็ต้องเตรียมพร้อม" เขากล่าว
ผู้บัญชาการระดับสูงของนาโตรายนี้บอกว่ากองกำลังภาคพื้นของรัสเซียลดระดับลงอย่างรุนแรงจากสงครามในยูเครน แต่กองกำลังทางทะเลและทางอากาศยังคงเป็นขุมกำลังที่ค่อนข้างใหญ่โต
นอกจากนี้ เขายังแสดงความเห็นว่า ความพยายามของมอสโกในการคืนสภาพกองทัพ กำลังถูกกัดเซาะจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก แต่เครมลินยังคงสามารถยกระดับกำลังผลิตปืนใหญ่และขีปนาวุธ
(ที่มา : เอเอฟพี)