เคียฟเมื่อวันพฤหัสบดี (29 มิ.ย.) ระบุถึงเวลาแล้วที่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ จะมีความชัดเจนในจุดยืนเกี่ยวกับความเป็นสมาชิกของยูเครน ก่อนหน้าการประชุมซัมมิตของพันธมิตรทหารแห่งนี้ในเดือนหน้า
"ยูเครนเดินหน้าทำงานด้วยความกระตือรือร้นกับพันธมิตรนาโตทั้งหมด โน้มน้าวพวกเขาว่าเวลาแห่งความชัดเจนเกี่ยวกับความเป็นสมาชิกของยูเครนในพันธมิตรแห่งนี้มาถึงแล้ว" ดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน เขียนบนทวิตเตอร์ หลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต
ทั้งนี้ ประเด็นความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่างยูเครนกับนาโต ได้รับความคาดหมายว่าจะเป็นคำถามหลักในวาระการประชุมของที่ประชุมซัมมิตนาโตในกรุงวิลนีอุส ระหว่างวันที่ 11-12 กรกฎาคม
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวกับรัฐสภาในวันพุธ (28 มิ.ย.) อ้างว่าทหารที่มีความเชี่ยวชาญในการสู้รบของเคียฟ จะช่วยเสริมสร้างความเข็มแข็งแก่นาโต ไม่ได้ทำให้พันธมิตรทหารแห่งนี้อ่อนแอลง ยามที่ยูเครนได้รับชัยชนะเหนือรัสเซีย
"ตอนนี้เรารับความช่วยเหลือด้านความมั่นคง" เซเลนสกีกล่าว "แต่ชัยชนะของยูเครนจะอภินันทนาการเพื่อความมั่นคงของภูมิภาคของเรา เพื่อทั่วทั้งยุโรป และเพื่อคนทั้งโลก"
สโตลเทนเบิร์ก กล่าวเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ว่า มันเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ต้องเดินหน้าให้การสนับสนุนยูเครนต่อไป ในการต้านทานการรุกรานของรัสเซีย และพันธมิตรนาโตจะถกหาคำตอบในเส้นทางก้าวมาเป็นสมาชิกพันธมิตรแห่งนี้ของยูเครน
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แสดงความขุ่นเคืองซ้ำๆ ต่อการแผ่ขยายเขตแดนมาทางทิศตะวันออกของนาโต กล่าวหาสมาชิกนาโตกำลังเข้าร่วมในความขัดแย้งยูเครน ด้วยการบริจาคอาวุธให้เคียฟ พร้อมว่าตะวันตกมีแผนทำลายรัสเซียเป็นเสี่ยงๆ
แม้กระทั่งตัวของ เซเลนสกี เอง ก็ยอมรับเมื่อช่วงกลางเดือนว่า ยูเครนคงไม่สามารถเข้าร่วมนาโตได้ ก่อนการรุกรานของรัสเซียสิ้นสุดลง
ปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน ได้กระตุ้นความเคลื่อนไหวของพันธมิตรทหารตะวันตกแห่งนี้ ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาเมื่อเกือบ 75 ปีก่อน ครั้งที่เผชิญหน้ากับสหภาพโซเวียต
อย่างไรก็ตาม สมาชิกในพันธมิตรทหารแห่งนี้มีความเห็นแตกแยกกันเกี่ยวกับยูเครน แม้ สโตลเทนเบิร์ก บอกว่าทุกชาติสมาชิกเห็นพ้องกันยึดตามคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับยูเครนในปี 2008 ว่าเคียฟจะก้าวมาเป็นสมาชิก ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่ไม่ได้มีการกำหนดไว้
(ที่มา : เอเอฟพี)