กษัตริย์เฟรเดอริกที่ 10 เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระประมุของค์ใหม่ของเดนมาร์ก หลังจากพระราชมารดาทรงลงพระปรมาภิไธยสละราชสมบัติเมื่อวันอาทิตย์ (14 ม.ค.) ท่ามกลางความปีติยินดีของชาวเดนมาร์กเรือนแสนที่ไปร่วมเป็นสักขีพยาน
สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 พระชนมายุ 83 พรรษา ทรงเป็นพระประมุขพระองค์แรกของเดนมาร์กที่สละราชสมบัติในรอบระยะเวลาเกือบ 900 ปี
ประชาชนกว่าแสนคนรวมตัวหน้าพระราชวังคริสเตียนสบอร์ก ซึ่งเป็นสถานที่ทำพิธีสืบราชสันตติวงศ์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่าครึ่งศตวรรษ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความปลื้มปีติ
ทั้งนี้ ราชวงศ์เดนมาร์กมีประวัติสืบทอดมาตั้งแต่สมัยไวกิ้งในศตวรรษที่ 10 จึงถือเป็นราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และหนึ่งในราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
หลังจากพระราชินีนาถมาร์เกรเธอทรงลงพระปรมาภิไธยสละราชสมบัติ นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมตเต เฟรเดอริกเซน ได้ประกาศการสถาปนามกุฎราชกุมารเฟรเดอริก เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดอริกที่ 10จากนั้นกษัตริย์องค์ใหม่ของเดนมาร์กเสด็จออกไปที่สีหบัญชรและอ่านประกาศขึ้นครองราชย์ 3 ครั้งตามราชประเพณี ก่อนที่พระราชินีแมรี ซึ่งเป็นชาวออสเตรเลียและเป็นสามัญชนคนแรกที่ได้เป็นพระราชินีเดนมาร์ก พระราชโอรสและพระราชธิดาทั้ง 4 พระองค์ ซึ่งรวมถึงเจ้าชายคริสเตียน พระชนมายุ 18 พรรษา ที่จะทรงขึ้นเป็นมกุฎราชกุมาร เสด็จออกไปสมทบ ท่ามกลางเสียงเพลงชาติเดนมาร์กดังกึกก้องจากพสกนิกรที่ไปร่วมถวายพระพร
กษัตริย์เฟรเดอริก ซึ่งทรงเป็นที่รักใคร่นิยมชมชื่นของชาวเดนมาร์กเช่นเดียวกับพระราชมารดา ตรัสว่า พระองค์หวังว่าจะทรงเป็นพระประมุขที่เป็นศูนย์รวมความเป็นอันหนึ่งเดียวกันเพื่ออนาคตของชาติ
หลังจากนั้น ทั้ง 6 พระองค์เสด็จขึ้นรถม้าพระที่นั่งไปยังพระราชวังอมาเลียนบอร์กซึ่งเป็นที่ประทับ และปรากฏพระองค์ต่อหน้าฝูงชนที่ร่วมแสดงความยินดีอีกครั้ง
ตามธรรมเนียมของเดนมาร์กในยุคนี้ จะไม่มีการเชิญผู้ทรงเกียรติหรือสมาชิกราชวงศ์ต่างแดนเข้าร่วมพิธีขึ้นครองราชย์ของกษัติรย์องค์ใหม่ รวมทั้งไม่มีการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่มีพระราชพิธีสวมมงกุฎ
พระราชวงศ์ทั่วยุโรป ซึ่งรวมถึงพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งอังกฤษ และผู้นำประเทศต่างๆ เช่น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ส่งสาส์นแสดงความยินดีต่อเดนมาร์ก
สำหรับพระราชินีนาถมาร์เกรเธอทรงตัดสินพระทัยสละราชสมบัติหลังจากครองราชย์ได้ 52 ปี ชาวเดนมาร์กต่างพากันประหลาดใจเมื่อทรงประกาศสละราชสมบัติระหว่างทรงมีพระราชดำรัสประจำปีเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ที่ถ่ายทอดทางทีวีเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. เนื่องจากก่อนหน้านั้นพระองค์ทรงย้ำมาตลอดว่า จะครองราชย์จนกว่าจะเสด็จสวรรคตตามพระราชประเพณีก็ตาม
มีรายงานว่า แม้กระทั่งสมาชิกราชวงศ์ยังรับรู้เรื่องนี้ก่อนที่จะมีการประกาศเพียง 3 วัน
พระราชินีนาถมาร์เกรเธอทรงระบุว่า การตัดสินพระทัยสละราชสมบัติมาจากปัญหาพระสุขภาพ โดยปีที่ผ่านมาพระองค์เพิ่งทรงเข้ารับการผ่าตัดพระขนอง (หลัง)
อย่างไรก็ดี พระองค์จะยังคงดำรงพระราชอิสริยยศรพระราชินีนาถต่อไป
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจที่สถาบันเอพิเนียนจัดทำให้แก่สถานีแพร่ภาพกระจายเสียงดีอาร์ของรัฐบาลเดนมาร์กซึ่งนำออกเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (12 ม.ค.) พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 79% จากทั้งหมด 1,037 คน เชื่อมั่นว่า กษัตริย์เฟรเดอริกทรงเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีในการขึ้นครองราชย์ และ 83% คิดว่า แมรีพร้อมขึ้นเป็นพระราชินีแห่งเดนมาร์กเช่นเดียวกัน