ฮามาส ผู้ปกครองฉนวนกาซา ในวันเสาร์ (30 ธ.ค.) ประณามสหรัฐฯ ที่อนุมัติขายกระสุนปืนใหญ่ระเบิดแรงสูงและยุทโธปกรณ์ที่เกี่ยวข้องแก่อิสราเอล ชี้เป็นหลักฐานชัดว่าอเมริกาสนับสนุนอาชญากรรมสงคราม
สหรัฐฯ แถลงเมื่อวันศุกร์ (29 ธ.ค.) อนุมัติขายกระสุนปืนใหญ่ 155 มม. แก่อิสราเอล ภายใต้บทบัญญัติฉุกเฉินหนึ่งซึ่งหลีกเลี่ยงข้อกำหนดปกติที่บังคับให้ต้องผ่านการตรวจสอบพิจารณาจากสภาคองเกรสเสียก่อน
ในเรื่องนี้ ฮามาสระบุว่าการขายดังกล่าวเป็นหลักฐานชัดเจนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนอาชญากรรมสงครามนี้อย่างเต็มรูปแบบ "รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีส่วนเกี่ยวข้องและให้การสนับสนุนอย่างกระตือรือร้นต่อทุกการกระทำอันโหดร้ายป่าเถื่อนโดยอิสราเอล"
"ความโหดร้ายป่าเถื่อนระหว่างสงครามเหล่านี้ ได้นำมาซึ่งการเข่นฆ่าเด็กๆ และพลเรือนอย่างโหดเหี้ยม บีบบังคับประชาชนไร้ถิ่นฐาน และทำลายล้างวิถีชีวิตพลเรือนอย่างเป็นระบบในกาซา" ถ้อยแถลงของฮามาสระบุ
อิสราเอลเปิดปฏิบัติการทางทหารอย่างดุเดือดเล่นงานพวกนักรบฮามาสในกาซา หลังจากนักรบปาเลสไตน์กลุ่มนี้ทำการจู่โจมอย่างไม่คาดคิด เล่นงานทางใต้ของอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไปราว 1,140 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
นับตั้งแต่นั้นปฏิบัติการจู่โจมฉนวนกาซาของอิสราเอลได้สังหารผู้คนอย่างน้อย 21,672 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
ท่ามกลางการเสียชีวิตของพลเรือนที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในกาซา ภาพลักษณ์ระหว่างประเทศของสหรัฐฯ กำลังถูกกัดกร่อน ในขณะที่พวกเขายังคงเดินหน้าให้การสนับสนุนอิสราเอล
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางเดือน สหรัฐฯ ได้ใช้บทบัญญัติฉุกเฉินเดียวกันอนุมติขายกระสุนรถถัง 120 มม. เกือบ 14,000 นัด และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องแก่อิสราเอล
แม้การขายครั้งนั้นถือว่าแค่เล็กน้อย แต่มันเกิดขึ้นท่ามกลางประเด็นโต้เถียงทางการเมืองอันเผ็ดร้อนเกี่ยวกับสงครามกาซา ด้วยฝ่ายรีพับลิกันเตะถ่วงคำร้องขอของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต่องบประมาณใช้จ่ายทางทหารรอบใหม่สำหรับอิสราเอลและยูเครน และขณะเดียวกัน ทางเดโมแครตเอง มีความเห็นแตกแยกกันเกี่ยวกับการใช้อาวุธของสหรัฐฯ กับพลเรือนปาเลสไตน์
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ตัดสินใจแล้วว่า สถานการณ์ฉุกเฉินหนึ่งที่จำเป็นต้องขายอาวุธแก่รัฐบาลอิสราเอลนั้น "มีอยู่จริง" เพราะฉะนั้นจึงละเว้นข้อบังคับตามปกติที่ต้องผ่านการพิจารณาทบทวนของสภาคองเกรส
ถ้อยแถลงระบุว่า การขายดังกล่าวที่ดึงมาจากคลังแสงของสหรัฐฯ จะเปิดทางให้อิสราเอลนำไปใช้เป็นเครื่องป้องปรามภัยคุกคามต่างๆ ในภูมิภาคและเสริมความเข้มแข็งในการป้องกันมาตุภูมิ และจะไม่ก่อการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานสมดุลทางทหารใดๆ ในภูมิภาคนี้
(ที่มา : เอเอฟพี)