กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เห็นชอบการขายฉุกเฉินกระสุนรถถังเกือบ 14,000 นัดแก่อิสราเอล จากการเปิดเผยในวันเสาร์ (9 ธ.ค.) ความเคลื่อนไหวซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางประเด็นถกเถียงทางการเมืองอันเผ็ดร้อนเกี่ยวกับสงครามกาซา
ทางกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แจ้งต่อสภาคองเกรสในวันศุกร์ (8 ธ.ค.) เกี่ยวกับการขายกระสุนรถถัง 120 มม. อานุภาพสูง 13,981 นัด และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง มูลค่ากว่า 106.5 ล้านดอลลาร์ แก่อิสราเอล
แม้การขายครั้งนี้ถือว่าแค่เล็กน้อย แต่มันเกิดขึ้นท่ามกลางประเด็นโต้เถียงทางการเมืองอันเผ็ดร้อนเกี่ยวกับสงครามกาซา ด้วยฝ่ายรีพับลิกันเตะถ่วงคำร้องขอของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต่องบประมาณใช้จ่ายทางทหารรอบใหม่สำหรับอิสราเอลและยูเครน และขณะเดียวกัน ทางเดโมแครตเอง ก็มีความเห็นแตกแยกกันเกี่ยวกับการใช้อาวุธของสหรัฐฯ กับพลเรือนปาเลสไตน์
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ตัดสินใจแล้วว่า สถานการณ์ฉุกเฉินหนึ่งที่จำเป็นต้องขายอาวุธแก่รัฐบาลอิสราเอลนั้น "มีอยู่จริง" เพราะฉะนั้นจึงละเว้นข้อบังคับตามปกติที่ต้องผ่านการพิจารณาทบทวนของสภาคองเกรส
ถ้อยแถลงระบุว่าการขายครั้งนี้ ที่ดึงมาจากคลังแสงของสหรัฐฯ จะเปิดทางให้อิสราเอล นำไปใช้เป็นเครื่องป้องปรามภัยคุกคามต่างๆในภูมิภาคและเสริมความเข้มแข็งในการป้องกันมาตุภูมิ และจะไม่ก่อการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานสมดุลทางทหารใดๆ ในภูมิภาค
ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ (6 ธ.ค.) พวกวุฒิสภารีพับลิกัน ขัดขวางคำร้องขอของทำเนียบขาว ที่ของบประมาณช่วยเหลือฉุกเฉิน 106,000 ล้านดอลลาร์ แก่ยูเครนและอิสราเอล ในขณะที่พวกหัวอนุรักษนิยมทั้งหลายคัดค้านการแยกแผนปฏิรูปคนเข้าเมือง ออกจากร่างงบประมาณดังกล่าว
แพกเกจนี้ ในนั้นจะรวมถึงเงินทุนราว 60,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับช่วยเหลือยูเครน ทำสงครามกับรัสเซีย และอีก 10,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับช่วยเหลืออิสราเอลในความขัดแย้งกับฮามาส เช่นเดียวกับเงินช่วยเหลือไต้หวัน
ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในกาซายังพุ่งขึ้นไม่หยุด สมาชิกสภาคองเกรสจากเดโมแครตบางส่วน ส่งเสียงเรียกร้องอย่างแข็งกร้าวไปยังอิสราเอล ให้ปฏิบัติการที่เจาะจงเป้าหมายมากกว่าเป็นอยู่ ในการเล่นงานเป้าหมายต่างๆของพวกฮามาส และจำกัดความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับพลเรือน
(ที่มา : เอเอฟพี)
