xs
xsm
sm
md
lg

รัสเซียเย้ย!สหรัฐฯกำลังสูญเสียความเป็นเจ้าโลก หลังใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธทางการเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังทำลายดอลลาร์และฉุดสหรัฐฯสูญเสียความเป็นเจ้าโลกทางเศรษฐกิจ ในขณะที่เวลานี้มีประเทศต่างๆมากมายหลายชาติกำลังละทิ้งสกุลเงินของอเมริกา นับตั้งแต่มันถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง จากความเห็นของ ยาเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาผู้แทนราษฏรของรัสเซีย(สภาดูมา) ที่เขียนลงบนช่องเทเลแกรมของตนเองเมื่อวันอาทิตย์(24ธ.ค.)

โวโลดิน กล่วด้วยว่าในความพยายามกอบกู้สถานะของตนเอง สหรัฐฯได้ปลดปล่อยความขัดแย้งด้านการทหาร กำหนดมาตรการคว่ำบาตรและทำสงครามการค้า รวมไปถึงบงการโจมตีก่อการร้ายและทำลายเศรษฐกิจของยุโรป แต่เหล่านั้นก็ไม่ได้นำพาผลลัพธ์ตามที่ปรารถนามาสู่วอชิงตัน

ประธานสภาผู้แทนราษฏรของรัสเซีย ระบุว่าดอลลาร์เป็นเครื่องมืออิทธิพลหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามเวลานี้ประเทศเพื่อนละทิ้งดอลลาร์กันมากขึ้นเรื่อยๆ สืบเนื่องจากวอชิงตันใช้สกุลเงินของตนเอง เป็นอาวุธในการต่อสู้ทางการเมือง

เขาบอกต่อว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กำลังกัดกร่อนข้อได้เปรียบสุดท้ายของประเทศตนเอง เนื่องจากคำขู่ต่างๆนานาเหล่านั้น ไม่ได้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นที่มีต่อสหรัฐฯและสกุลเงินดอลลาร์แม้แต่น้อย

แนวโน้มที่ทั่วโลกหันมาใช้สกุลเงินประจำชาติในการซื้อขายระหว่างกันแทนดอลลาร์ เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆในปีที่แล้ว หลังจากมาตรการคว่ำบาตรสืบเนื่องจากกรณียูเครน ได้ตัดขาดรัสเซียออกจากระบบการเงินของตะวันตก และมีการอายัดทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย

"ในความพยายามรับประกันความปลอดภัยทางการเงิน เวลานี้ประเทศอื่นๆมีความกระตือรือร้นมากขึ้นในการละทิ้งดอลลาร์ ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก" โวโลดินกล่าว

ท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรอย่างกว้างขวางที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ผล สหรัฐฯ "ยังตีโพยตีพายข่มขู่ตัดธนาคารต่างๆทั่วโลกจากระบบการเงินของพวกเขา สำหรับการละเมิดมาตรการคว่ำบาตร" โวโลดินระบุ

ความเห็นของโวโลดินมีขึ้น ในขณะที่ข้อมูลของธนาคารกลางรัสเซียพบว่า มอสโกยกระดับการใช้สกุลเงินของประเทศในการซื้อขายกับต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีที่แล้ว ปลีกตัวเองออกห่างจากยูโรและดอลลาร์ในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ โดยสัดส่วนการใช้ยูโรและดอลลาร์ ชำระหนี้การส่งออกของรัสเซีย ลดลงจากระดับ 96% ในช่วงต้นปี 2022 เหลือเพียง 17% ในเดือนกันยายนปีนี้

(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)


กำลังโหลดความคิดเห็น