นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล กล่าวกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันเสาร์ (23 ธ.ค.) ขอบคุณจุดยืนของสหรัฐฯ ที่ขัดขวางเสียงเรียกร้องหยุดยิงในกาซา ในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ พร้อมประกาศกร้าวจะเดินหน้าทำสงครามต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
ระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์ เนทันยาฮู ส่งเสียงขอบคุณ ไบเดน ต่อท่าทีของสหรัฐฯ ในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อ้างถึงกรณีที่วอชิงตันขัดขวางมติที่ผูกพันหนึ่ง ซึ่งเรียกร้องข้อตกลงหยุดยิงในกาซา พร้อมแสดงออกอย่างชัดเจนว่า "อิสราเอลจะเดินหน้าทำสงครามต่อไปจนกว่าจะบรรลุทุกเป้าหมาย" ในนั้นรวมถึงขุดรากถอนโคนกลุ่มก่อการร้ายฮามาส และนำตัวประกันที่ถูกควบคุมตัวโดยพวกก่อการร้ายปาเลสไตน์ในฉนวนกาซากลับสู่มาตุภูมิ
ส่วนทางทำเนียบขาวเปิดเผยว่าระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กันนั้น ทางไบเดนได้กดดันเนทันยาฮู ให้ปกป้องชีวิตพลเรือนในกาซา ในขณะที่กองกำลังอิสราเอลยกระดับการโจมตีทางทหารในฉนวนแห่งนี้
การพูดคุยหารือกันของทั้ง 2 คน มีขึ้น 1 วัน หลังจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ยกมือเห็นชอบผ่านมติหนึ่งที่เรียกร้องให้คงระดับการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างปลอดภัยและปราศจากอุปสรรคใดๆ แต่ไม่ได้เรียกร้องให้มีการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับพวกนักรบฮามาส
"ท่านประธานาธิบดีเน้นย้ำถึงความจำเป็นอย่างยิ่งในการปกป้องพลเรือน ในนั้นรวมถึงพวกที่สนับสนุนปฏิบัติการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และความสำคัญของการเปิดทางให้พลเรือนเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ที่กำลังมีการสู้รบอย่างปลอดภัย" ทำเนียบขาวระบุในถ้อยแถลง
ก่อนหน้านี้ ไบเดน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว ว่า เขาได้พูดคุยกับ เนทันยาฮู เป็นเวลานาน ซึ่งเขาให้จำกัดความว่าเป็นการสนทนาลับ ทั้งนี้ในการตอบคำถามหลังจากนั้น ไบเดน กล่าวว่า "ผมไม่ได้ร้องขอสำหรับการหยุดยิง"
ถ้อยแถลงของทำเนียบขาวระบุว่าผู้นำทั้ง 2 คน หารือกันเกี่ยวกับเป้าหมายและขั้นตอนต่างๆ ในปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล เช่นเดียวกับความสำคัญของการหาทางรับประกันว่าตัวประกันทั้งหมดจะได้รับการปล่อยตัวออกมา
ฉนวนกาซาต้องเผชิญกับการโจมตีทั้งทางอากาศและทางภาคพื้นจากอิสราเอลมานานกว่า 11 สัปดาห์ เข่นฆ่าผู้คนไปแล้วมากกว่า 20,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
ยอดสูญเสียดังกล่าวมีขึ้นหลังจากอิสราเอลประกาศขุดรากถอนโคนฮามาส แก้แค้นที่พวกนักรบปาเลสไตน์กลุ่มนี้บุกโจมตีข้ามชายแดนจากฉนวนกาซา เล่นงานอิสราเอล ในวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไปราว 1,140 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน นอกจากนี้ ยังลักพาตัวไปอีกประมาณ 250 คน และเวลานี้ในนั้นราว 129 คน ยังคงอยู่ควบคุมตัวในกาซา
ข้อตกลงหยุดยิงเมื่อเดือนที่แล้ว พบเห็นตัวประกัน 105 คน ในนั้นเป็นชาวอิสราเอล 80 คน ได้รับการปล่อยตัวออกมา แลกกับชาวปาเลสไตน์ 240 คน ที่ถูกคุมขังตามเรือนจำต่างๆ ของอิสราเอล
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ระบุว่า "การหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม" เป็นหนทางเดียวที่จะส่งมอบความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพวกเขายกระดับกดดันอิสราเอลให้เปิดทางการเข้าถึงด้านมนุษยธรรมมากยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสให้สหประชาชาติมีบทบาทสำคัญกว่าเดิมในการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซา
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล บอกว่าประเทศจะเขาจะเดินหน้าคัดกรองความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั้งหมดที่ป้อนสู่กาซา โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง
(ที่มา : ไทม์สออฟอิสราเอล/เอเอฟพี)