ยอมรับความจริง?? บิ๊กนาโตเตือนเตรียมพร้อมรับข่าวร้ายจากยูเครน ชี้รัสเซียระดมขีปนาวุธเล็งถล่มเป้าหมายพลังงาน

บิ๊กนาโตยอมรับอุตสาหกรรมกลาโหมของกลุ่มพันธมิตรแห่งนี้ ล้มเหลวไม่สามารถจัดหาเครื่องกระสุนส่งไปให้จนถึงระดับที่เคียฟต้องการได้ ขณะเดียวกันกองทัพยูเครนเองก็ไม่อาจสร้างผลงานผ่าทางตันใดๆในสนามรบได้เช่นกันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กระนั้นเขายืนกรานว่าตะวันตกยังควรต้องยืนหยัดเคียงข้างยูเครนต่อไป

ก่อนหน้านี้ เยนส์ สโตนเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ได้กล่าวเอาไว้ในสัปดาห์ที่แล้วว่า มอสโกกำลังรวบรวมขีปนาวุธเตรียมเอาไว้ใช้สำหรับช่วงฤดูหนาว และตั้งข้อสังเกตว่า พวกโรงงานผลิตอาวุธรัสเซียเวลานี้กำลังทำงาน โดยถือว่าอยู่ภายใต้ “สภาวะสงคราม”

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีทีวี ดาส เอียร์สเทอ (Das Erste TV) ของเยอรมนีที่ออกอากาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (2 ธ.ค.) สโตลเตนเบิร์ก กล่าวยอมรับว่า สถานการณ์การรบในยูเครนในระยะหลังๆ มานี้ ส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง พร้อมบอกด้วยว่าการวางแผนสงครามเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก

“เราต้องเตรียมพร้อมรับมือกับข่าวร้าย สงครามนั้นจะเดินหน้าไปเป็นช่วงๆ แต่เราต้องยืนหยัดอยู่กับยูเครนไม่ว่าในช่วงเวลาที่ดีหรือในช่วงเวลาเลวร้าย

เขาสำทับว่า การเร่งการผลิตเครื่องกระสุน เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในสถานการณ์นี้ และเมื่อถูกถามว่า เคียฟควรทำอย่างไรในขณะที่พวกประเทศผู้สนับสนุนเพิ่มกำลังผลิตเครื่องกระสุนซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา สโตลเตนเบิร์กก็ตอบว่า เขาคงต้องยกให้ทางคณะผู้นำและพวกผู้บัญชาการทางทหารของยูเครนเป็นผู้ตัดสินใจประเด็นสำคัญเหล่านี้

เลขาธิการนาโตเสริมว่า หนึ่งในปัญหาสำคัญที่จะต้องแก้ไขคือ การที่อุตสาหกรรมกลาโหมของยุโรปยังอยู่ในสภาพแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไม่สามารถทำงานร่วมมือใกล้ชิดกันได้อย่างที่ควรจะเป็น เขายังเรียกร้องให้รัฐสมาชิกนาดตทั้งหลาย ก้าวข้ามผลประโยชน์ของชาติอันคับแคบ และเพิ่มกำลังผลิตแทนที่จะพึงพอใจกับราคาที่กำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ

สโตลเตนเบิร์กยังเตือนภายหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศนาโตที่บรัสเซลส์เมื่อวันพุธที่แล้ว (28 พ.ย.) ว่า รัสเซียกำลังรวบรวมสะสมคลังแสงขีปนาวุธขนาดใหญ่เอาไว้ก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว โดยเขาเชื่อว่า เพื่อนำไปโจมตีโครงข่ายไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน

ก่อนหน้านั้นสองวัน เขาบอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า นาโตไม่ควรประเมินรัสเซียต่ำเกินไป และตั้งข้อสังเกตว่า มอสโกได้กำหนดให้อุตสาหกรรมกลาโหมของตนต้องดำเนินการผลิตภายใต้เงื่อนไขภาวะสงครามแล้ว เรื่องนี้จะทำให้กองทัพยูเครนยึดดินแดนที่สูญเสียไปกลับคืนมาตามเป้าหมายซึ่งวางกันเอาไว้ได้ยากลำบาก

อย่างไรก็ตาม สโตลเตนเบิร์กหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่า “หยุดนิ่ง” สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างที่พลเอกวาเลรี ซาลุจนี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครน ระบุเมื่อต้นเดือนที่แล้ว

ทั้งนี้ จากการประมาณการณ์ล่าสุดจนถึงวันที่ 1 ธันวาคมของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ปฏิบัติการตอบโต้ของเคียฟที่เริ่มขึ้นเมื่อต้นเดือนมิถุนายนส่งผลให้ยูเครนสูญเสียทหารกว่า 125,000 นาย

(ที่มา: อาร์ที)