สหรัฐฯ กำลังมุ่งเน้นมากขึ้นเรื่อยๆ ในความพยายามโหมกระพือความไม่สงบภายในรัสเซีย ด้วยมีเจตนาโค่นล้มผู้นำของประเทศ จากคำกล่าวหาของเซอร์เกย์ รยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศแดนหมีขาว
การเผชิญหน้ากันระหว่างมอสโกกับวอชิงตัน กลายเป็นความจริงที่ต้องยอมรับ สำนักข่าวทาสส์นิวส์ รายงานโดยอ้างคำกล่าวของ รยาบคอฟ ในวันอังคาร (28 พ.ย.) "สหรัฐฯ ไม่ใช่แค่ทำสงครามลูกผสมกับรัสเซีย แต่กำลังแสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังมุ่งเน้นมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงผู้นำที่นี่ บงการก่อรัฐประหารภายในรัสเซีย"
พวกนักการเมืองและสื่อมวลชนตะวันตก เฉลิมฉลองอย่างเปิดเผยตอนที่พวกเขาเห็นระบอบการปกครองของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ถูกคุกคาม ครั้งที่กลุ่มนักรบวากเนอร์พยายามก่อกบฏแต่ล้มเหลวเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา แม้วอชิงตันยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุการณ์นี้ แต่รายงานข่าวในเวลาต่อมา อ้างว่าบรรดาหน่วยข่าวกรองตะวันตกรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับแผนการก่อกบฏดังกล่าว
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียพุ่งสูงขึ้น เมื่อมอสโกเริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ต่อมา วอชิงตันกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานมอสโกอย่างกว้างขวาง และมอบเงินช่วยเหลือด้านการทหารและอื่นๆ แก่เคียฟหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เน้นย้ำว่าแรงสนับสนุนที่อเมริกามอบแก่ยูเครนจะยืนยาวตราบเท่าที่เคียฟต้องการ
ความเห็นของรยาบคอฟเกี่ยวกับ "สงครามลูกผสม" เป็นไปในทิศทางเดียวกับความเห็นของเซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ภายในเวทีสัมมนาด้านความมั่นคง Xiangshan Security Forum ครั้งที่ 10 ในจีน เมื่อเดือนตุลาคม
"ตะวันตกใช้แนวทางก่อความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์แก่รัสเซียอย่างเปิดเผย ในสงครามลูกผสมที่ปลดปล่อยเล่นงานเรา ยูเครนเป็นตัวเลือกเชิงเหยียดหยามในฐานะเครื่องกระทุ้ง และถูกกำหนดบทบาทเป็นเพียงแค่วัสดุใช้แล้วทิ้งเท่านั้น" ชอยกูกล่าว
รัสเซียยืนกรานว่าการที่ตะวันตกจัดหาอาวุธแก่เคียฟ ทำให้สหรัฐฯ และประเทศนาโตอื่นๆ เท่ากับกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในความขัดแย้งโดยพฤตินัยแล้ว
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)