ทหารยูเครนแฉต้องใช้รถออฟโรดพลเรือนอายุครึ่งศตวรรษยุคโซเวียตเพื่อเดินทางไปแนวหน้า มิหนำซ้ำยังต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด รวมถึงค่าเช่าบ้านและอาหาร นอกจากนั้น ยังมีปัญหาอีกมากมายตั้งแต่คำสั่งที่ไม่เหมาะสม จนถึงการขาดแคลนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น ทหารนายหนึ่งถึงขั้นออกปากกว่า เคียฟไม่น่าเริ่มปฏิบัติการตอบโต้ตามที่พันธมิตรตะวันตกร้องขอ ทั้งนี้ ตามรายงานข่าวของสื่อเยอรมนีซึ่งไปสัมภาษณ์ทหารยูเครน
แท็บลอยด์ “บิลด์” ของเยอรมนีรายงานเมื่อวันจันทร์ (27 พ.ย.) โดยอ้างอิงคำบอกเล่าของทหารยูเครนหลายนายเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่ต้องเผชิญในระหว่างการต่อสู้กับรัสเซีย เช่น การขาดแคลนยานยนต์หุ้มเกราะและรถออฟโรดทหารขั้นรุนแรง และต้องพึ่งรถพลเรือนที่ออกเงินกันเองเพื่อใช้ในการขนส่งทางทหาร รวมทั้งต้องจ่ายค่าซ่อมรถเองทั้งหมด
กองกำลังยูเครนยังขาดแคลนโดรนสอดแนมและโดรนโจมตี ซึ่งต้องควักกระเป๋าซื้อเองเช่นเดียวกัน หรือไม่ก็ได้รับจากองค์กรบรรเทาทุกข์และผู้บริจาคภาคเอกชน หรือบางหน่วยต้องใช้โดรนทำเองจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ
ทหารอีกนายเล่าว่า ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านและค่าอาหารเอง ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับทหารรัสเซียที่รัฐบาลทุ่มทุนเต็มที่ให้กองทัพ
ประสิทธิภาพของโดรนรัสเซีย รวมถึงการมีทหารประจำการในสนามรบตลอดเวลายังเป็นอุปสรรคจำกัดความสามารถของกองกำลังยูเครนอย่างร้ายแรง
ทหารนายหนึ่งเปิดเผยกับบิลด์ว่า ระบบต่อต้านอากาศยานที่ได้รับจากตะวันตก เช่น ปืนต่อสู้อากาศยานอัตตาจร “เกพาร์ด” ของเยอรมนี ถูกใช้เป็นระบบต่อต้านอากาศยานแบบติดตั้งอยู่กับที่ในเมืองต่างๆ แต่ไม่เคยส่งไปใช้ในแนวหน้าเลย
มีทหารหลายนายวิจารณ์ผู้บัญชาการทหารระดับสูงที่ยกเลิกการฝึกทหารขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
ทหารนายหนึ่งที่ผ่านการฝึกในประเทศสมาชิกนาโตสำทับว่า เนื่องจากนายทหารอาวุโสยังเป็นชุดเดิม ยุทธศาสตร์การทำสงครามจึงแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากยุคโซเวียต นอกจากนั้น กองกำลังยูเครนยังไม่เคยทำปฏิบัติการร่วมเลย
บิลด์บอกว่า ทหารจำนวนมากไม่พอใจผู้นำทางการเมืองและกองทัพมากขึ้น โดยทหารนายหนึ่งทิ้งท้ายกับสื่อเยอรมนีเจ้านี้ว่า คณะเสนาธิการใหญ่ยูเครนไม่ควรปฏิบัติตามคำสั่งในการเปิดปฏิบัติการตอบโต้ที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ได้รับมาจากตะวันตกในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
(ที่มา : อาร์ที)