ศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี)ในวันอาทิตย์(3ธ.ค.) เรียกร้องทั้ง 2 ฝ่ายของสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ และเปิดทางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซา
"ในด้านการเข้าถึงด้านมนุษยธรรม กฎหมายไม่อนุญาตสำหรับความสงสัยใดๆ" คาริม ข่าน อัยการไอซีซีกล่าว หลังเกิดทางเยือนจุดเกิดเหตุที่ฮามาสโจมตีในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และเยือนองค์การปาเลสไตน์ในดินแดนยึดครองเวสต์แบงก์
"พลเรือนต้องเข้าถึงอาหารพื้นฐาน น้ำและความจำเป็นด้านเสบียงทางการแพทย์ โดยปราศจากความล่าช้าใดๆ ไม่มีข้อจำกัดด้านความรวดเร็วและปริมาณ" ข่านกล่าว พร้อมระบุขณะเดียวกัน ฮามาส ต้องไม่นำความช่วยเหลือดดังกล่าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
"ตัวละครทุกตัวต้องปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมสากล ถ้าคุณไม่ทำเช่นนั้น จงอย่าได้คร่ำครวญ หากสำนักงานของผมจำเป็นต้องดำเนินการ" เขากล่าว
ข่าน เสนออิสราเอล ให้ช่วยเหลือศาลในการสืบสวนอาชญากรรมสงครามที่ก่อโดยฮามาส ระหว่างเหตุโจมตีก่อการร้ายเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม แม้ประเทศแห่งนี้ไม่ได้เป็นสมาชิกศาลโลกและไม่ได้รับรองขอบเขตอำนาจศาล
"การโจมตีพลเรือนผู้บริสุทธิ์อิสราเอล เป็นบางอย่างของการก่ออาชญากรรมระหว่างประเทศที่ร้ายแรงที่สุด ที่ช็อคมโนธรรมของมนุษยชาติ ซึ่งไอซีซีถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อจัดการกับอาชญากรรมต่างๆเหล่านี้" ข่านกล่าว
อย่างไรก็ตามเขาเรียกร้องกับอิสราเอล ให้ทำทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ให้ปกป้องพลเรือนในฉนวนกาซา ระหว่างการโจมตีพวกนักรบฮามาส และหยุดพวกผู้ตั้งรกรากในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ จากการโจมตีชาวปาเลสไตน์ ในดินแดนดังกล่าว
คำกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงครามและละเมิดสุทธิมนุษยชน เกิดขึ้นกับทั้ง 2 ฝ่าย นับตั้งแต่กลุ่มมือปืนฮามาสเปิดฉากจู่โจมชุมชนต่างๆของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารชาวอิสราเอลไปมากกว่า 1,200 ราย และจับตัวประกันไปกว่า 240 คน
อิสราเอล ตอบโต้ด้วยการถล่มทางอากาศและเปิดฉากรุกรานด้วยรถถังและทหารราบในฉนวนแห่งนี้ ส่งผลให้มีผู้คนในกาซา เสียชีวิตไปมากกว่า 15,000 คน
ตามหลังเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ข่าน เคยบอกว่าศาลไอซีซี มีขอบเขตอำนาจเหนือความเป็นไปได้ของการก่ออาชญากรรมใดๆโดยนักรบฮามาสในอิสราเอลและโดยอิสราเอลในฉนวนกาซา
ขณะเดียวกันศาลไอซีซี ได้ดำเนินการสืบสวนความเป็นไปได้ของการก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ มาตั้งแต่ปี 2021
(ที่มา:รอยเตอร์)