เจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งกองทัพสหรัฐฯ เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว แสดงความสงสัยว่าจีนต้องการรุกรานไต้หวันจริงหรือไม่ ลดระดับถ้อยคำแข็งกร้าวเกี่ยวกับความเสี่ยงของสงคราม ที่ก่อความไม่สบายใจแก่นักลงทุนและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
"ผมคิดว่าจริงๆ แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง คงไม่ต้องการยึดครองไต้หวันผ่านการใช้กำลัง เขาจะพยายามใช้หนทางอื่นๆ ในการทำสิ่งนี้" พล.อ.ชาร์ลส์ บราวน์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าวในกรุงโตเกียว
พล อ.บราวน์ ชี้ให้เห็นถึงความยากลำบากในปฏิบัติการยกพลขึ้นบก ที่จำเป็นสำหรับนำกองกำลังรุกรานเข้าสู่ไต้หวัน อย่างไรก็ตามเขาเตือนว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรจำเป็นต้องให้ความสนใจความพยายามอื่นๆ ของประธานาธิบดีสี ที่กำลังถาโถมแรงกดดันเข้าใส่ไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการทหาร การทูตและเศรษฐกิจ
ความเห็นของเขามีขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ และจีนกำลังพยายามควบคุมสถานการณ์ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในด้านความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ฝ่าย ด้วยการกลับมาพูดคุยกันอีกครั้ง โดยที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และสี มีกำหนดประชุมกัน ณ เวทีความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) ในซานฟรานซิสโก ในสัปดห์หน้า ซึ่งถือเป็นการพบปะกันระหว่างทั้ง 2 คนเพียงหนที่ 2 เท่านั้น
ความเห็นของ บราวน์ สวนทางกับเสียงเตือนก่อนหน้านี้จากบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านการทหารและด้านความมั่นคงในรัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน ที่มองว่ามีความเป็นไปได้ที่ความขัดแย้งเกี่ยวกับไต้หวันอาจปะทุขึ้น
พล.ร.อ.ฟิลิป เดวิดสัน ครั้งที่ยังดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เคยกล่าวในปี 2021 ว่าจีนอาจใช้ปฏิบัติการทางทหารกับไต้หวันภายในปี 2027 ส่วน เอฟริล เฮนส์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ ระบุเมื่อปีที่แล้ว มองว่าไต้หวันอาจเผชิญภัยคุกคามจากจีนก่อนปี 2030
พล อ.อ.ไมค์ มินิแฮน เจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งกองทัพอากาศ บอกเมื่อเดือนมกราคม ว่าบางทีสหรัฐฯ กับจีนอาจเปิดสงครามกันในปี 2025 ความเห็นที่ก่อความวิตกกังวลแก่บรรดาพันธมิตรทั้งหลายของสหรัฐฯ
ส่วน พล.ร.อ.จอห์น อากิลิโน ซึ่งสืบทอดตำแหน่งต่อจาก เดวิดสัน ในปี 2021 กล่าวว่าภัยคุกคามเกี่ยวกับการรุกรานไต้หวันของจีน "ใกล้กว่าที่คิดไว้"
หลังจาก พล.อ.อ.มินิแฮน ออกมาแสดงความคิดเห็นดังกล่าว ทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้แจ้งไปยังบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงให้หยุดแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับวันเวลาของความเป็นไปได้ในการเกิดสงคราม ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสหลายคนในรัฐบาลสหรัฐฯ ได้กล่าวในปีนี้ เน้นย้ำไม่เชื่อว่าการรุกรานไต้หวันของจีนใกล้มาถึงแล้ว
จีนกล่าวอ้างว่าเกาะไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และขู่ใช้กำลังโจมตีหากว่าไต้หวันขัดขืนการรวมชาติหรือปล่อยให้กองกำลังภายนอกเข้าแทรกแซง
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านนโยบายต่างประเทศและเศรษฐกิจ กลับมานัดประชุมหารือกัน แต่การสื่อสารระหว่างผู้นำกองทัพของทั้ง 2 ชาติ ยังคงถูกระงับ นับตั้งแต่ปักกิ่งตัดขาดการติดต่อสื่อสารดังกล่าว ตอบโต้กรณีนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น เดินทางเยือนไต้หวันในเดือนสิงหาคมปีก่อน
"ผมคิดว่ามีโอกาส ระหว่างประธาธิบดีพบปะกับ สี ในสัปดาห์หน้า เราจะได้ข้อบ่งชี้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์บางอย่าง" พล.อ.บราวน์ กล่าว อ้างถึงการรื้อฟื้นช่องทางการติดต่อสื่อสารด้านการทหารระหว่าง 2 ฝ่าย
พล อ.บราวน์ เปิดเผยด้วยว่าตอนที่เริ่มเข้ารับตำแหน่งประธานเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ เมื่อช่วงต้นเดือนที่แล้ว เขาได้เขียนจดหมายถึงประธานเสนาธิการทหารร่วมของจีน แนะนำตัวเองและบอกว่าตนเองมีความตั้งใจกลับมาเปิดช่องทางการสื่อสารระหว่าง 2 กองทัพ
(ที่มา : ไฟแนนเชียลไทม์ส)