คณะผู้บริหารสหภาพยุโรป (อียู) เสนอให้มีการเริ่มต้นกระบวนการเจรจาเพื่อรับยูเครนและมอลโดวาเข้าเป็นสมาชิกใหม่วานนี้ (8 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณสนับสนุนเต็มที่ต่อรัฐบาลเคียฟซึ่งยังคงเผชิญสงครามยืดเยื้อกับรัสเซีย
ยูเครนได้ยื่นเรื่องร้องขอเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปทันทีหลังจากที่รัสเซียเปิดปฏิบัติการรุกรานเต็มรูปแบบในเดือน ก.พ. ปีที่แล้ว และอียูได้ประกาศมอบสถานะ “แคนดิเดต” อย่างเป็นทางการให้ในเดือน มิ.ย. ปีเดียวกัน
“วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์” อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุ
“ยูเครนยังคงเผชิญความทุกข์ยากและโศกนาฏกรรมที่แสนสาหัสจากการทำสงครามรุกรานของรัสเซีย แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปประเทศอย่างถึงรากถึงโคน”
ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ออกมาแถลงชื่นชมท่าทีของผู้บริหารอียูว่าเป็น “ย่างก้าวที่ถูกต้อง” สำหรับยุโรป
“ประเทศของเราจะต้องได้เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป ชาวยูเครนคู่ควรได้รับสิ่งนี้เนื่องจากเราช่วยปกป้องค่านิยมของชาวยุโรป รวมถึงความเป็นจริงที่ว่าแม้จะอยู่ในภาวะสงครามเต็มขั้น แต่เราก็รักษาคำพูด” เซเลนสกี โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์
ด้านประธานาธิบดี ไมอา ซานดู แห่งมอลโดวา กล่าวว่าประเทศของเธอ “มุ่งมั่นสู่เส้นทางแห่งการเป็นสมาชิกอียู และจะเดินหน้าทำงานอย่างไม่ลดละเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนี้”
ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะในการเปิดเจรจารับยูเครนและมอลโดวาเข้าเป็นสมาชิกจะต้องผ่านการอนุมัติรับรองจากผู้นำอียูทั้ง 27 ประเทศในเดือน ธ.ค.
ฟอน แดร์ ไลเอิน ย้ำว่า ทั้งยูเครนและมอลโดวายังจำเป็นที่จะต้องดำเนินการปฏิรูปในด้านต่างๆ ให้เห็นผลสำเร็จมากกว่านี้ ก่อนที่อียูจะกำหนดวันเริ่มต้นเจรจาอย่างเป็นทางการ โดยคณะกรรมาธิการยุโรปจะออกรายงานอัปเดตความคืบหน้าอีกครั้งในเดือน มี.ค. ปี 2024
ทั้งนี้ ต่อให้ยูเครนเริ่มต้นกระบวนการเจรจาเข้าอียู แต่มันจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการปฏิรูปบ้านเมืองขนานใหญ่ที่ยุ่งยากซับซ้อน และอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีหรือนานนับสิบๆ ปีกว่ายูเครนจะถูกรับเข้าเป็นสมาชิกอียู
นอกจากความคืบหน้าในส่วนของยูเครนและมอลโดวาแล้ว บรัสเซลส์ยังได้เสนอมอบสถานะ “แคนดิเดต” ให้จอร์เจียอีกประเทศหนึ่งด้วย
ที่มา : เอเอฟพี
