xs
xsm
sm
md
lg

ตายทะลุ 9 พัน! สหรัฐฯ นั่งไม่ติดส่งบลิงเคนเยือนอิสราเอลอีกหน วิงวอนสังเวยชีวิตพลเรือน 'กาซา' ให้น้อยที่สุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.) ว่าเขาจะใช้โอกาสเดินทางเยือนอิสราเอลรอบล่าสุด หารือเกี่ยวกับ "มาตรการต่างๆ ที่เป็นรูปธรรม" ที่ควรนำมาใช้สำหรับลดภัยอันตรายที่เกิดขึ้นกับพลเรือนชาวกาซา ท่ามกลางความกังวลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับจำนวนตัวเลขความสูญเสียที่พุ่งขึ้นไม่หยุด จากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลถล่มฉนวนแห่งนี้

ในการให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวก่อนออกเดินทาง ซึ่งถือเป็นการเยือนตะวันออกกลางครั้งที่ 2 ของเขาในเวลาห่างกันไม่ถึงเดือน บลิงเคน กล่าวว่า การหารือจะมุ่งเน้นไปที่อนาคตของกาซา ครั้งที่นักรบปาเลสไตน์ถูกกำราบลงแล้ว เช่นเดียวกับนำพาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพิ่มเติมเข้าสู่กาซาและหาทางรับประกันว่าความขัดแข้งจะไม่ลุกลามบานปลาย รวมไปถึงหาทางช่วยตัวประกันมากกว่า 200 คน ที่ถูกฮามาสจับตัวไป

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งเปิดเผยว่า บลิงเคน จะเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอล ยินยอมตกลงหยุดพักปฏิบัติการทางทหารในกาซาช่วงสั้นๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดทางให้ปล่อยตัวประกันออกมาอย่างปลอดภัย และสำหรับแจกจ่ายความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจะมีกำหนดเดินทางเยือนจอร์แดน ต่อจากอิสราเอล ก่อนม่งหน้าสู่เอเชียในสัปดาห์หน้า เน้นย้ำถึงสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล แต่บอกว่าทั้งอิสราเอลและสหรัฐฯ มีหน้าที่รับผิดชอบในการรับประกันว่าพลเรือนที่ติดอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งจะต้องได้รับการปกป้อง

"เราจะพูดกันเกี่ยวกับมาตรการที่เป็นรูปเป็นร่าง และควรลดภัยอันตรายที่มีต่อผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กในกาซาให้เหลือน้อยที่สุด และนี่เป็นบางอย่างที่เป็นหน้าที่ของสหรัฐฯ ผมไม่ขอให้รายละเอียดในเรื่องนี้ แต่มันคือวาระที่สำคัญที่สุด" บลิงเคนกล่าว "ตอนที่ผมเห็นเด็กปาเลสไตน์ ทั้งเด็กชายและเด็กหญิงถูกดึงอกมาจากเศษซากอาคาร ผมรู้สึกเจ็บปวดพอๆ กับที่เห็นเด็กๆ จากอิสราเอลหรือที่อื่นๆ ดังนั้นนี่คือบางอย่างที่เรามีหน้าที่ต้องตอบสนอง"

สงครามล่าสุดในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมาหลายทศวรรษ เริ่มต้นจากการที่พวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมข้ามพรมแดนเข้าไปในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไป 1,400 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และจับตัวประกันไปกว่า 200 คน ในเหตุโจมตีครั้งนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ 75 ปีของประเทศ

นับตั้งแต่นั้น อิสราเอลแก้แค้นด้วยการโจมตีทางอากาศถล่มฉนวนกาซา ดินแดนของชาวปาเลสไตน์ ที่มีประชากรพักอาศัย 2.3 ล้านคน อย่างไม่รามือ สังหารผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 9,061 คน ในนั้น 3,760 รายเป็นเด็ก และเป็นผู้หญิงอีก 2,326 คน

แม้สหรัฐฯ และประเทศตะวันตกอื่นๆ มีธรรมเนียมให้การสนับสนุนอิสราเอล แต่ภาพอันน่าสยดสยองของศพที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังและสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายภายในฉนวนกาซา ได้โหมกระพือเสียงเรียกร้องอดทนอดกลั้นและการประท้วงบนท้องถนนทั่วโลก

เดิมทีสหรัฐฯ ส่งเสียงหนุนหลังอิสราเอลเต็มกำลัง แต่น้ำเสียงและประเด็นที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญของรัฐบาลได้เปลี่ยนไป ท่ามกลางจำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือนพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซาเสื่อมทรามลง

ในขณะที่อิสราเอลได้เริ่มปฏิบัติการจู่โจมทางภาคพื้น เริ่มมีความกังวลกันมากขึ้นว่า อิสราเอลมียุทธศาสตร์ถอนกำลังหรือไม่ หรือแผนหนึ่งใดที่จะดำเนินการในขั้นต่อไป

วอชิงตันได้พูดคุยกับอิสราเอลและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคไปแล้วเกี่ยวกับแนวทางการปกครองดินแดนปาเลสไตน์ หากว่าอิสราเอลได้รับชัยชนะในสนามรบ แต่ยังไม่มีแผนที่ชัดเจนปรากฏออกมา

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ บลิงเคน ระบุว่าวอชิงตัน เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ กำลังสำรวจทางเลือกต่างๆ เกี่ยวกับอนาคตของกาซา ซึ่งเขาบอกว่ามันอาจรวมถึงองค์กรระหว่างประเทศและชาติอื่นๆ ในภูมิภาค แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

ในวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.) บลิงเคน บอกว่ากรอบการทำงานอย่างกว้างๆ เพิ่มเติมสำหรับสถานภาพความเป็นรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนทนากับอิสราเอลและจอร์แดน "สิ่งที่เราจำเป็นต้องพูดคุยกันในตอนนี้ก็คือ แนวทางที่เราสามารถกำหนดเงื่อนไขต่างๆ อย่างดีที่สุด เพื่อสันติภาพที่ยั่งยืนและถาวร รวมถึงความมั่นคงที่ยั่งยืนและถาวรสำหรับชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์เช่นกัน"

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น