ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์ (22 ต.ค.) พูดคุยหารือกับบรรดาผู้นำมหาอำนาจตะวันตก เกี่ยวกับสงครามอิสราเอลและฮามาส จากการเปิดเผยของทำเนียบขาว เน้นย้ำจุดยืนสนับสนุนสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล ในขณะที่อิสราเอลยกระดับโจมตีถล่มฉนวนกาซาอย่างหนักหน่วง ตอบโต้กรณีที่พวกนักรบปาเลสไตน์ 'ฮามาส' บุกจู่โจมเข้าไปอาละวาดสังหารผู้คนในอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ไบเดนได้พูดคุยกับผู้นำของทั้งสหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี "พวกผู้นำเน้นย้ำสนับสนุนอิสราเอล และสิทธิของอิสราเอลในการป้องกันตนเองจากการก่อการร้าย และเน้นย้ำเสียงเรียกร้องให้ยึดถือในกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ในนั้นรวมถึงปกป้องพลเรือน"
นอกจากนี้ ทางทำเนียบขาวเปิดเผยด้วยว่าพวกผู้นำยังได้พูดคุยหารือกันเกี่ยวกับกรณีที่พลเรือนของแต่ละชาติตกค้างอยู่ท่ามกลางสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มคนที่ประสงค์เดินทางออกจากฉนวนกาซา
ท่ามกลางการสู้รบอย่างดุเดือดและมีคนตายมากมายจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศแก้แค้นของอิสราเอลในฮนวนกาซา สถานการณ์ด้านมนุษธรรมในฉนวนแห่งนี้ดูเหมือนกำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ
สถานการณ์เลวร้ายยังคงไม่เบาบางลง แม้ว่าขบวนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอีกชุด ประกอบด้วยรถบรรทุกสิ่งของบรรเทาทุกข์ 17 คัน ได้เดินทางถึงฮามาสแล้ว ในขณะที่ดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของฮามาสแห่งนี้ กำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนขั้นหายนะ
พวกนักรบฮามาส บุกจู่โจมข้ามชายแดนเข้าไปยังอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เปิดฉากโจมตีเข่นฆ่าผู้คนไปอย่างน้อย 1,400 ราย พร้อมกับจับตัวประกันไปมากกว่า 200 คน ในเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล
อิสราเอลตอบโต้ด้วยการเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มฉนวนกาซาอย่างไม่หยุดหย่อน จนถึงตอนนี้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 4,600 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
ในถ้อยแถลงของทำเนียบขาวระบุว่า พวกผู้นำตะวันตกส่งเสียงให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกัน เพื่อรับประกันเกี่ยวกับการเข้าถึงอาหาร น้ำ การรักษาพยาบาลและความช่วยเหลืออื่นๆ อย่างยั่งยืนและปลอดภัย ตามความจำเป็นด้านมนุษยธรรม
นอกจากนี้ พวกเขายังรับปากประสานงานทางการทูตใกล้ชิด ในการหาทางป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งลุกลาม รักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพในตะวันออกกลาง และหาทางมุ่งหน้าสู่ทางออกทางการเมืองและสันติภาพที่ยืนยาว
บรรดาผู้นำที่อยู่ในสายพูดคุยกันในครั้งนี้ นอกเหนือจาก ไบเดน แล้ว มี จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี และริชี ซูแน็ก นายกรัฐมตรีสหราชอาณาจักร
(ที่มา : เอเอฟพี)