รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ประชาชนออสเตรเลียวันเสาร์ (14 ต.ค.) ออกเสียงปฏิเสธโดยสิ้นเชิงในประชามติครั้งแรกต่อการมีสิทธิเพิ่มขึ้นของพลเมืองชนพื้นเมือง คว่ำแผนการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญแดนจิงโจ้เป็นครั้งแรกในรอบ 122 ปี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโธนี อัลบานิส สุดเซ็งชี้ความพ่ายแพ้ครั้งนี้หนักเมื่อตั้งความหวังไว้สูงแต่ไปไม่ถึง แต่อย่างไรก็ตามกล่าวขอยอมรับต่อเสียงประชาชนแดนดาวน์อันเดอร์
รอยเตอร์รายงานวานนี้ (14 ต.ค.) ว่า ทั้ง 6 รัฐของออสเตรเลียในวันเสาร์ (14) มีผลลงคะแนนปฏิเสธในการลงประชามติแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญออสเตรเลียเพื่อเพิ่มสิทธิให้แก่ชนเผ่าพื้นเมืองและตั้งหน่วยงานเพื่อให้คำแนะนำรัฐบาลแดนจิงโจ้ต่อปัญหาชนเผ่าพื้นเมืองที่มีประชากรคิดเป็นสัดส่วน 3.8% ของจำนวนประชากรทั้งหมด 26 ล้านคน
รอยเตอร์รายงานว่า หากว่าประชามติครั้งประวัติศาสตร์เป็นครั้งแรกในรอบ 122 ปีของออสเตรเลียซึ่งเกิดขึ้นในวันเสาร์ (14) ผ่านการเห็นชอบของประชาชน จะถือเป็นครั้งแรกที่ชนเผ่าพื้นเมืองออสเตรเลียที่เป็นเจ้าของดินแดนดั้งเดิมจะได้รับการยอมรับในกฎหมายรัฐธรรมนูญที่จะต้องมีการแก้ไขหลังจากนั้น
ทั้งนี้ ในการนับคะแนนทั่วประเทศพบว่า 60% ของผู้มาลงคะแนนออกเสียง “NO” หรือ “ปฏิเสธ” ต่อคำถามว่า
“ต้องการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อยอมรับชนเผ่าอะบอริจินและชนเผ่าเกาะช่องแคบทอร์เรส (Torres Strait Island people) ผ่านการจัดตั้งคณะที่ปรึกษาชนพื้นเมืองออสเตรเลีย “องค์กรเสียงชนพื้นเมืองต่อรัฐสภา” (Indigenous Voice to Parliament)?”
ทั้งนี้ พบว่าทั่วประเทศเกือบ 70% ได้ถูกนับเสร็จสิ้นและคะแนนโหวต NO ขึ้นนำไปราว 70% ต่อ 40% และเอบีซีนิวส์ของออสเตรเลียและทีวีเน็ตเวิร์กออสเตรเลียอื่นๆ ได้ประเมินว่า ทั้ง 6 รัฐของออสเตรเลียน่าจะลงประชามติปฏิเสธไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงกฎหมายรัฐธรรมนูญออสเตรเลียครั้งนี้ สร้างความสะเทือนใจให้กกลุ่มฝ่ายสนับสนุนเรียกร้องให้มีการประกาศยอมรับชนพื้นเมืองออสเตรเลียที่ถือว่าเป็นกลุ่มประชาชนที่ยากจนมากที่สุดในประเทศให้อยู่ในกฎหมายสูงสุดของแดนดาวน์อันเดอร์
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานว่า ฝ่ายสนับสนุนชี้ว่า การนำชนพื้นเมืองเข้าไปในกฎหมายรัฐธรรมนูญออสเตรเลียจะทำให้ออสเตรเลียเป็นหนึ่งเดียวในยุคสมัยใหม่
ซึ่งฝ่ายสนับสนุนชี้ว่าการโหวตเห็นด้วยจะทำให้ออสเตรเลียสามารถแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมของชนพื้นเมืองออสเตรเลีย สื่ออังกฤษชี้ว่า แต่ทว่าฝ่ายค้านได้มองต่างออกไป ผู้นำฝ่ายค้านออสเตรเลีย ปีเตอร์ ดัตตัน (Peter Dutton) กล่าวในช่วงเริ่มต้นของการรณรงค์ว่า
“แทนที่จะเป็นหนึ่งเดียว พวกเราจะแบ่งแยกทั้งในจิตวิญญาณและในกฎหมาย”
และหลังผลการลงประชามติออกมาที่ชี้ไปว่าฝ่ายของเขาเป็นผู้ชนะ ดัตตันกล่าวสำทับว่า “ผลที่ออกมานั้นเป็นผลดีต่อชาติของพวกเรา”
ด้านนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโธนี อัลบานิส แสดงความผิดหวังที่ผลประชามติไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง แต่เขาเชื่อว่าออสเตรเลียจะหาทางใหม่เพื่อการประนีประนอม
อัลบานิสชี้ว่า ความพ่ายแพ้ครั้งนี้หนัก เขาพูดต่อว่า “เมื่อคุณตั้งความหวังไว้สูงแต่บางครั้งไปไม่ถึง พวกเราเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่พวกเรามี”
โธมัส มาโย (Thomas Mayo) ผู้นำชนเผ่าพื้นเมืองออสเตรเลียและผู้นำรณรงค์โหวต YES ได้เปิดเผยกับเอบีซีนิวส์ ออสเตรเลียว่า
“ผมรู้สึกหัวใจสลาย” และเสริมต่อว่า “พวกเราต้องการเสียง พวกเราต้องการการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง”
รอยเตอร์รายงานว่า ประชามติในออสเตรเลียนั้นผ่านได้ยากมากหากไม่ได้รับการสนับสนุนพรรคการเมืองออสเตรเลียแบบ 2 พรรคร่วม
ดัตตันออกมาวิจารณ์อัลบานิสว่า เขาเปิดให้ลงประชามติที่ไม่มีความจำเป็นต่อประเทศออสเตรเลีย โดยอ้างว่า ควรเป็นประชามติที่ทำให้พวกเรามีความสามัคคีมากกว่าการแบ่งแยก
นอกจากปัญหานี้ยังพบว่าแม้แต่นักการเมืองชนพื้นเมืองอะบอริจินเองยังกลายเป็นหัวหอกโหวต NO
บีบีซีรายงานว่า ส.ว.ลิเดีย ธอร์ป (Lidia Thorpe) ที่มีเชื้อสายชนเผ่าอะบอริจินและเป็นหัวหอกแคมเปญโหวต NO ครั้งนี้
โดยเธอแสดงความเห็นหลังทราบผลว่า “นี่ไม่ใช่กฎหมายรัฐธรรมนูญของพวกเรา มันถูกสร้างขึ้นในปี 1901 โดยกลุ่มพวกคนแก่ผิวขาวทั้งหลาย และในเวลานี้พวกเรากำลังขอให้ประชาชนออสเตรเลียนำพวกเราขึ้นไปอยู่ในนั้น “ไม่ล่ะขอบคุณ”
ทั้งนี้ ในบรรดาชนพื้นเมืองที่ยืนข้างโหวต NO นั้นต้องการให้รัฐบาลแคนเบอร์ราให้ความสำคัญกับสนธิสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างชนพื้นเมืองออสเตรเลีย (First Nations peoples) และรัฐบาลออสเตรเลียมากกว่า