อิสราเอลยังคงปูพรมถล่มดินแดนฉนวนกาซาไม่หยุดพักในวันพุธ (11 ต.ค.) ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู และปรปักษ์ทางการเมืองรายหนึ่งประกาศจัดตั้งคณะรัฐบาลฉุกเฉินเข้าบริหารประเทศในระหว่างเวลาที่เกิดการสู้รบขัดแย้งซึ่งได้คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันศพแล้ว
เนทันยาฮู ผู้นำมากประสบการณ์สายขวาจัด ตกลงจับมือกับ เบนนี แกนซ์ นักการเมืองสายกลางที่เคยเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรียามสงครามขึ้นมา โดยต่างให้คำมั่นที่จะวางความแตกแยกทางการเมืองอันขมขื่นเอาไว้ก่อน หลังจากที่มันเคยทำให้ประเทศชาติปั่นป่วน และกระตุ้นให้เกิดการประท้วงของมวลชน
การออกมาประกาศร่วมมือกันของพวกเขาคราวนี้ บังเกิดขึ้นหลังจากที่กองทหารอิสราเอลกระจายกำลังออกกวาดล้างเมืองเล็กเมืองน้อยทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งถูกกลุ่มนักรบฮามาสบุกจากดินแดนกาซาเข้าโจมตีแบบไม่ทันระวังตั้งตัวเมื่อวันเสาร์ (7) ที่ผ่านมา แถลงว่าได้พบศพจำนวนทั้งสิ้นราว 1,200 ศพ ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนที่ถูกนักรบฮามาสสังหาร นอกจากนั้น ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 2,700 คน
เวลาเดียวกัน พวกเจ้าหน้าที่ของกาซาก็อัปเดตตัวเลขว่ามีผู้เสียชีวิตไปกว่า 1,000 คนแล้วจากการที่อิสราเอลถล่มโจมตีอย่างสุดเดือดใส่ดินแดนที่มีพื้นที่แคบๆ แต่มีชาวปาเลสไตน์พำนักอาศัยกันอย่างหนาแน่นถึง 2.3 ล้านคนแห่งนี้ ทั้งทางอากาศและการใช้ปืนใหญ่ตลอดจนจรวดหลายลำกล้อง ทำให้ควันดำโขมงลอยอยู่บนท้องฟ้าไม่ขาดสาย และกลุ่มอาคารเป็นแถบๆ พังทลายลงมาเป็นกองอิฐกองปูน
ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร (10) กองทัพอิสราเอลระบุว่าพบศพพวกนักรบปาเลสไตน์ราว 1,500 ศพในบริเวณภาคใต้ของอิสราเอล ซึ่งจะทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตของทั้งสองฝ่ายพุ่งขึ้นเป็นกว่า 3,000 คน ทว่าในวันพุธ (11) แม้กระทั่งสื่อตะวันตกที่รายงานเรื่องนี้หยกๆ ก็กลับไม่เอ่ยถึงตัวเลข 1,500 ศพนี้กันแล้ว
กระนั้น ในการแถลงจำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุดเมื่อเช้าวันพุธ พ.ท.โจนาธาน คอนริคัส โฆษกกองทัพอิสราเอล ชี้แจงย้ำว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากการสู้รบที่ยังดำเนินอยู่ แต่เป็นการพบศพพลเรือนชาวอิสราเอลในนิคมและชุมชนต่างๆ ที่ถูกนักรบฮามาสบุกโจมตีและสังหารหมู่
โยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ประกาศกร้าวในวันอังคารว่า ฮามาสต้องการการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอิสราเอลจะจัดให้ด้วยการทำให้สิ่งที่มีอยู่ในกาซาตอนนี้ไม่มีอยู่อีกต่อไป
กัลแลนต์สำทับว่า อิสราเอลเริ่มต้นตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศ และต่อไปจะเปิดฉากบุกภาคพื้นดิน และระบุว่า สามารถควบคุมพื้นที่ได้ตั้งแต่วันที่ 2 ที่ฮามาสบุกโจมตี และตอนนี้อิสราเอลกลับมาเป็นฝ่ายบุกและปฏิบัติการจะรุนแรงมากขึ้น
ทั้งนี้ อิสราเอลที่ถอนทหารออกจากดินแดนฉนวนกาซาตั้งแต่ปี 2005 แต่ยังคงปิดล้อมดินแดนนี้เอาไว้นับแต่ฮามาสขึ้นครองอำนาจในปี 2007 ได้เริ่ม “การปิดล้อมแบบเบ็ดเสร็จ” ด้วยการตัดการจ่ายน้ำ ไฟฟ้า และก๊าซ ตลอดจนปิดเส้นทางการลำเลียงอาหาร เชื้อเพลิง และข้าวของเครื่องใช้จำเป็นทั้งหมดเข้าสู่กาซาตั้งแต่วันจันทร์ (9 ต.ค.) วันเดียวกับที่ฮามาสขู่ฆ่าตัวประกันที่จับไปจากอิสราเอลทีละคนทุกครั้งที่อิสราเอลโจมตีเป้าหมายพลเรือนในกาซา
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ออกมากล่าวปราศรัยในวันอังคาร (10) ประณามการโจมตีของฮามาสว่า “ชั่วร้าย” ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลระบุว่า นักรบฮามาสแสดงพฤติกรรมป่าเถื่อนแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนับจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งรวมถึงการตัดหัวทหาร
นอกจากนั้น ไบเดนยังยืนยันว่า มีชาวอเมริกันอย่างน้อย 14 คนเสียชีวิต และยังสูญหายอีกจำนวนหนึ่ง
อเมริกายังส่งหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี 1 หมู่ เดินทางไปยังด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยอ้างว่าเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามควบคุมไม่ให้ความขัดแย้งบานปลาย อีกทั้งยังเพื่อให้การสนับสนุนอื่นๆ แก่อิสราเอล ซึ่งรวมถึงกระสุน อาวุธ และข่าวกรอง พร้อมกำชับให้อิสราเอลตอบโต้ฮามาสโดยปฏิบัติตามกฎหมายสงคราม
ผู้นำสหรัฐฯ ยังเตือนไม่ให้ประเทศหรือกลุ่มใดๆ ฉกฉวยประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ซึ่งดูเหมือนเป็นการพาดพิงถึงอิหร่านที่เป็นผู้สนับสนุนฮามาสมายาวนาน และสมุนในตะวันออกกลางอย่างชัดเจน แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่า ยังไม่พบหลักฐานว่าเตหะรานเกี่ยวข้องกับการโจมตีอิสราเอลก็ตาม
ไบเดนยังส่งแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศ ไปยังอิสราเอล ซึ่งคาดว่าจะไปถึงในวันพฤหัสฯ (12)
ทางฝั่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลฮามาสแถลงว่า มีประชาชนอย่างน้อย 30 คนเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการที่อิสราเอลถล่มฉนวนกาซาด้วยการโจมตีทางอากาศหลายร้อยระลอกตลอดคืนวันอังคาร
วันเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่ความมั่นคง 3 คนของอิสราเอลเผยว่า ชายแดนด้านเหนือของอิสราเอลถูกโจมตีด้วยจรวดที่ยิงมาจากทางใต้ของเลบานอน นอกจากนั้นยังมีจรวดยิงมาจากซีเรีย ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นว่า สถานการณ์อาจลุกลามกว้างขึ้น
คอนริคัส โฆษกกองทัพอิสราเอล ระบุว่า ไม่รู้ว่าจรวดเหล่านั้นเป็นฝีมือกองทัพซีเรีย นักรบอิหร่าน ฮิซบอลเลาะห์ หรือกลุ่มอื่นๆ แต่อิสราเอลได้ยิงตอบโต้ไปและสถานการณ์กลับสงบลงแล้ว
ขณะเดียวกัน กลุ่มติดอาวุธทรงอิทธิพลในอิรักและเยเมนที่เป็นพันธมิตรกับอิหร่าน เช่น กลุ่มคาตาอิบ ฮิซบอลเลาะห์ ในอิรัก ประกาศว่า จะโจมตีฐานทัพอเมริกันด้วยขีปนาวุธ โดรน และกองกำลังพิเศษ ถ้าวอชิงตันแทรกแซงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาส
เช่นเดียวกับกลุ่มฮูตีในเยเมนที่ประกาศว่า จะตอบโต้การแทรกแซงของอเมริกาในกาซาด้วยโดรน ขีปนาวุธ และทางเลือกทางทหารอื่นๆ และสำทับว่า ฮูตีพร้อมร่วมมือกับสมาชิกอื่นๆ ของ “เครือข่ายการต่อต้าน” ที่ครอบคลุมนักรบชีอะต์กลุ่มต่างๆ ในอิรักและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน เพื่อให้การสนับสนุนฮามาส
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอเจนซีส์)