แผ่นดินสะท้านฟากฟ้าสะเทือน ประหนึ่งเทพเจ้าธอร์เปล่งกัมปนาทโครมคราม ท่ามกลางเสียงควบฝึเท้ากึกก้องฝุ่นฟุ้งกระจุยของจอมยักษ์ไบซันเกือบ 1,500 ชีวิตที่ทะยานขึ้นหน้าสุดชีวิตพุ่งหนีการไล่ต้อนโดยคาวบอยและคาวเกิร์ลที่ควบม้าฉกรรจ์กว่า 50 ตัว ในเทศกาลไล่ต้อนไบซันครั้งที่ 58 ของคัสเตอร์สเตทปาร์ก กระแสพลังเมามันเร่งกระตุ้นแอดรินาลินของท่านผู้ชมสองหมื่นกว่ารายจากทั่วโลกให้ตะโดนเชียร์กระหึ่มสนั่นไหล่เขาและทุ่งหญ้าเขียว เมื่อศุกร์ที่ผ่านมา 29 กันยายน 2023
นี่เป็นมหกรรมการขี่ม้าไล่ต้อนฝูงพี่ยักษ์ไบซันซึ่งจัดขึ้นทุกปี ณ วันศุกร์สุดท้ายของเดือนกันยายน โดยกระทรวงอุทยานและสัตว์ป่ากับสัตว์น้ำแห่งรัฐเซาท์ดาโคตา เพื่อเสริมสร้างสุขภาพพลานามัยของไบซัน ตลอดจนฉีดวัคซีนให้แก่ไบซันวัยละอ่อน แมท ชไนเดอร์ ผู้อำนวยการอุทยานคัสเตอร์สเตทปาร์ก ให้สัมภาษณ์แก่เอพี
ด้วยบรรยากาศกระหึ่มตื่นตาตื่นใจแห่งการไล่ต้อนฝูงจ้าวป่าขนยาวตัวสูงสองเมตร น้ำหนักหนึ่งตัน ซึ่งเร้าใจด้วยเสียงฝีเท้ากึกก้อง เสียงหวดแส้ไปในอากาศ อีกทั้งยังคละคลุ้งด้วยฝุ่นตลบที่เห็นกันในภาพยนตร์คาวบอย เทศกาลประจำปี 58th Annual Buffalo Roundup & Arts Festival จึงมากมายด้วยนักเดินทางร่วมๆ 25,000 ชีวิตจากนานาประเทศของโลกและจากนานารัฐของอเมริกา ซึ่งจองที่พักทั้งในอุทยานและในย่านต่างๆ รอบนอก เพื่อเข้าไปปักหลักจับจองที่ยืนบนเนินริมรั้วกั้นในอันที่จะรอชมมหกรรมกันตั้งแต่ 06.30 น.
ทั้งนี้ ทีมงานอุทยานคัสเตอร์สเตทปาร์กสร้างรั้วโปร่งทำด้วยเส้นลวด สูงเมตรกว่า กั้นเป็นแนวยาวเหยียดประมาณหนึ่งกิโลเมตรไปตามเนินเขาและทุ่งหญ้า โดยเส้นทางรวมตั้งแต่ต้นทางที่มีการไล่ต้อนไบซัน ไปจนถึงลานกักกันให้ไบซันได้พักเหนื่อยและอิ่มเอมกับหญ้าอร่อย ผลเบอร์รี และน้ำสดชื่น มีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 8 กิโลเมตร
แนวรั้วโปร่งปักไว้ห่างจากแนววิ่งของไบซันประมาณเพียง 200-300 เมตร เรียกว่าท่านผู้ชมสามารถรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินใต้กีบเท้าไบซันได้เลย ตลอดจนสามารถได้ยินเสียงแห่งความเครียดทั้งปวง อีกทั้งได้กลิ่นหอมของดิน หญ้า และอากาศฤดูออทัม ตลอดจนกลิ่นของมวลฝุ่นฟุ้งจรุงทั่วท้องทุ่งเป็นจริงเป็นจังเหลือเกิน
“จะมีกี่ครั้งในชีวิตที่คุณจะเห็นฝูงไบซันวิ่งผ่านหน้าระยะใกล้ๆ ไม่กี่ร้อยเมตรอย่างนี้” เควิน รอบลิง ผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงอุทยาน สัตว์ป่า และสัตว์น้ำ แห่งรัฐเซาท์ดาโคตา เล่าถึงความน่าตื่นตาตื่นใจของมหกรรมการไล่ต้อนไบสันกว่า 1,500 ตัว ขณะกล่าวเปิดงานเช้าวันศุกร์ 29 กันยายนที่ผ่านมา
“คุณจะได้ยินเสียงคำรามฟืดฟาดจากจมูกไบซัน เสียงกรีดร้องของม้าห้าว ได้เห็นบรรดาไบซันใช้กีบเท้าตะกุยพื้นจนฝุ่นปลิวคลุ้งไปทั่ว ได้เห็นลูกตัวเล็กๆ ของพวกมันวิ่งตามแม่” เอพีรายงานว่าเควิน รอบลิง กล่าวอย่างนั้น
เอพีให้ข้อมูลด้วยว่าก่อนยุคก่อร่างสร้างชาติอเมริกันนั้น ประชากรไบซันมีมหาศาลถึง 60 ล้านตัว และพวกมันตระเวนเป็นฝูงใหญ่โตหลายร้อยตัวอยู่ทั่วอเมริกาเหนือ พร้อมกับเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญของคนพื้นเมือง
แต่ในห้วงหนึ่งศตวรรษกว่าที่ผ่านมา ไบซันเกือบสูญพันธุ์ เพราะถูกไล่ล่าและสังหารโดยพรานป่า ทหาร และนักท่องเที่ยวหลายพันคน ซึ่งนำส่วนต่างๆ ของไบซันไปป้อนสู่ตลาดที่ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับเครื่องจักร ปุ๋ย และเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เอพีให้ข้อมูลไว้อย่างนั้น พร้อมกับระบุว่าในราวปี 1889 ประชากรไบซันมีเหลือเพียงไม่กี่ร้อยตัว
“ปัจจุบันนี้ หลังจากร้อยกว่าปีที่มีการทุ่มเทเพื่อสงวนรักษาพันธุ์ไบซันกันมากมาย ไบซันในสหรัฐอเมริกาทวีจำนวนขึ้นมาเป็นมากกว่า 500,000 ตัว” คริสตี โนเอม ผู้ว่าการรัฐเซาท์ดาโคตาซึ่งเป็นหนึ่งในคาวเกิร์ลที่ร่วมในการขี่ม้าไล่ต้อนฝูงไบซัน กล่าวอย่างนั้น และบอกเพิ่มเติมดังนี้
“ฝูงไบซันในคัสเตอร์สเตทปาร์กมีส่วนส่งเสริมการขยายพันธุ์อย่างมหาศาลค่ะ”
การพัฒนาพันธุ์ฝูงไบซันในคัสเตอร์สเตทปาร์กเริ่มต้นด้วยการซื้อไบซันเข้าไป 36 ตัว เมื่อปี 1914 ผ.อ.แมท ชไนเดอร์ แห่งคัสเตอร์สเตทปาร์กให้ข้อมูลอย่างนั้น และบอกด้วยว่าหน่วยงานนิเวศวิทยาแห่งเซาท์ดาโคตาประมาณการว่าจำนวนไบซันในในคัสเตอร์สเตทปาร์กอยู่ที่ประมาณ 1,500 ตัว เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับสภาพของผืนหญ้าว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไรจากหิมะและฝน เพราะเซาท์ดาโคตาตั้งอยู่ทางตอนเหนือ อันเป็นพื้นที่ที่มีปริมาณหิมะมาก
ขณะที่จะมีลูกไบซันรุ่นใหม่เกิดมาในคัสเตอร์สเตทปาร์กปีละประมาณ 400 ตัว ในเดือนตุลาคมนี้จะมีไบซันราว 500 ตัวถูกประมูลขายออกไป เพื่อไปผสมพันธุ์กับสายพันธุ์อื่นๆ ทั่วประเทศ ตามวัตถุประสงค์ในการพัฒนาสุขภาพของไบซันนั่นเอง
“แต่ละปี เราขายไบซันบางส่วนออกไป เพื่อแพร่กระจายพันธุกรรมดีๆ ให้แก่ฝูงอื่นๆ ค่ะ มันจะช่วยปรับปรุงสุขภาพของประชากรไบซันได้ทั่วประเทศ” ผู้ว่าการรัฐฯ คนสวย หัวใจรีพับลิกัน กล่าวอย่างนั้น
เซาท์ดาโคตาเป็นอีกรัฐหนึ่งซึ่งเน้นสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องทั้งปวง
ในการนี้ วัฒนธรรมคาวบอย ตลอดจนธรรมชาติงดงามยิ่งใหญ่และโดดเด่น ถูกนำมาจัดทำและส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสนุกสนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุทยานแห่งชาติรัชมอร์ ฮิลล์ ซึ่งมีผลงานแกะสลักหินขนาดมโหฬาร 18 เมตรบนหน้าผาของภูเขารัชมอร์ ให้ไปเยี่ยมชม ได้แก่ งานแกะสลักใบหน้าของ 4 อดีตประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ พร้อมกับทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งเดินป่า ขี่ม้า ตลอดจนทะเลสาบน้ำแข็งและทะเลสาบแม่น้ำมิสซูรี ที่นักท่องเที่ยวสนุกมากกับการตกปลาย พายเรือแคนู เล่นสกีน้ำ เล่นวินด์เซิร์ฟ อีกทั้งการเล่นสกีและสโนว์โมบิลในฤดูสโนว์ ฯลฯ
การชมมหกรรมไล่ต้อนฝูงไบซันถือเป็นไฮไลท์ประจำรัฐกันทีเดียว นักท่องเที่ยวไม่ต้องเสียค่าเข้าชม แต่เป็นธรรมดาที่จะอยากพักค้างคืนก่อนและหลังวันงาน ดังนั้น การมีนักท่องเที่ยวจำนวนประมาณ 10,000 – 25,000 รายไปเข้าร่วมเทศกาล จึงเป็นปัจจัยส่งเสริมธุรกิจโรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร เสื้อผ้า ของใช้ กิจกรรมสันทนาการ ตลอดจนบริการรถขนส่งและบริการที่เกี่ยวข้องมากมาย
ด้วยความเฟื่องฟูของเทศกาลซึ่งมีขึ้นภายในเวลา 3 วัน จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไปจึงกระจุกตัวอยู่ในห้วงดังกล่าว ทำให้ต้องจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกและปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านที่พักและอาหารสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงมีการสร้างระบบการจองที่พักล่วงหน้านานทีเดียว
สำหรับที่พักภายในอุทยาน จะต้องจองล่วงหน้า 1 ปี ส่วนที่พักรอบนอกอุทยาน จะต้องจองล่วงหน้า 90 วัน ทั้งนี้ สถานที่พักทั้งหลายจะถูกจองหมดเกลี้ยงภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยเป็นระบบ หมดแล้วหมดเลย ผู้ที่จองไม่ทัน ต้องรอไปพยายามจองในปีรุ่งขึ้น
แม้แต่นักขี่ม้าต้อนไบซันก็ต้องลงทะเบียนออนไลน์ล่วงหน้า 4 เดือน อีกทั้งจะต้องเข้าพักและรายงานตัวตั้งแต่สองวันก่อนวันกิจกรรม เพื่อซักซ้อมภารกิจกับทีมและหัวหน้าทีม
การที่จะได้เผชิญหน้ากับไบซันตัวเป็นๆ ระยะใกล้ๆ ในช่วงเดือนอื่นๆ ของปี ในสภาพธรรมชาติของรัฐโน้นบ้างรัฐนี้บ้าง เกิดขึ้นให้เสียขวัญกันประปราย ทั้งแบบระยะค่อนข้างใกล้ๆ และระยะสัมผัสตัวต่อตัว หรือก็คือ โดนไบซันขวิดกระเด็นลอยไปหลายเมตรก่อนจะตกกระแทกพื้นบาดเจ็บนั่นเอง
ล่าสุดในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ณ อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ทางตะวันตกใกล้ชายเขตรัฐไวโอมิง หนุ่มคริส ไวท์ฮิลล์ กับ แอมเบอร์ แฮร์ริส แฟนสาวชาวแอริสโซนา ลาพักร้อนไปเที่ยวด้วยกัน
โดยหลังได้นอนพักสดชื่นหนึ่งคืนแล้ว หายนะของชีวิตก็มาเยือน
ทั้งสองดื่มกาแฟในร้านเก๋ไก๋เสร็จ จึงชวนกันเดินตัดทุ่งกลับที่พักริมทะเลสาบเยลโลว์สโตน แต่ก่อนจะเข้าสู่เขตท้องทุ่ง ก็ต้องรอให้นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ตลอดจนพี่กวางเอลค์ เดินพ้นไปกันลับตา
นึกว่าทางโล่งหมดปัญหาแล้ว ที่ไหนได้ เจอะเจออย่างเหลือเชื่อกับไบซันซึ่งนอนเคล้ง กลิ้งไปมาบนพื้นหญ้าละม้ายน้องหมาแสนสุข สาวแอมเบอร์เล่าไว้บนเฟซบุ๊ก
“จู่ๆ พี่ยักษ์ลุกขึ้นยืน และออกเดิน แล้วเขาก็วิ่งตรงมาหาเราสองคนค่ะ”
“เจ้าไบซัน ขวิดแฟนผมอย่างจังเลยครับ แล้วแอมเบอร์ก็ลอยลิ่ว” คริส ไวท์ฮิลล์ ให้สัมภาษณ์แก่สถานีโทรทัศน์ KPNX-TV อย่างนั้น
“ผมคิดว่าแฟนผมน่าจะทำลังกาหลังในอากาศสัก 1 หรือ 2 รอบครับ ผมรีบร้องตะโกนใส่มัน เบี่ยงเบนความสนใจมาที่ผมแทน ตอนนั้นแอมเบอร์ก็ร่วงหลังกระแทกพื้นแรงพอได้เลยครับ”
สาวแอมเบอร์ แฮร์ริส วัย 47 กะรัต ได้รับการปฐมพยาบาลและนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่งเข้าโรงพยาบาลใกล้ที่สุด คือ ศูนย์การแพทย์อีสต์เทิร์น ไอดาโฮ รีเจนนัล เธอฟื้นตัวได้เร็วแม้จะมีปัญหากระดูกสันหลังร้าว 7 จุด ปอดถูกกระแทก และแผลฟกช้ำตรงโน้นตรงนี้
ในค่ำวันนั้น ณ ห้องผู้ป่วย “คริสคุกเข่าลงข้างเตียงพยาบาล ขอแต่งงาน พร้อมมอบแหวนแสนสวยค่ะ” สาวแอมเบอร์เล่าไว้ในเฟซบุ๊ก พร้อมอวดภาพแหวนวิบวับบนนื้ว”
“โดยไม่มีการลังเลใดๆ ดิฉันตอบว่า เยส ไปทันที” แอมเบอร์เขียนปลาบปลื้มกับสถานการณ์ดีงามฟ้าหลังฝน
คริสทำการรณรงค์ขอรับบริจาคบน GoFundMe เพื่อหาค่ารักษาให้แอมเบอร์สุดที่รัก
สามวันต่อมา มีการโพสต์แจ้งความคืบหน้าเป็นข่าวดีว่า แอมเบอร์ไม่ต้องขึ้นเขียง คุณหมอบอกว่าแค่ใส่แผ่นพยุงหลังช่วยประคองอาการขณะที่ร่างกายฟื้นฟูตัวเอง
กรณีนักท่องเที่ยวถูกไบซันพุ่งเข้าทำร้ายครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ก่อนหน้านี้เพียงปีเดียวก็เพิ่งเกิดการขวิดไปแหมบๆ เจ้าหน้าที่อุทยานให้ข้อมูลแก่เอพีไว้อย่างนั้น
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เอพี เว็บไซต์อุทยานคัสเตอร์สเตทปาร์ก เว็บไซต์กระทรวงอุทยาน สัตว์ป่าและสัตว์น้ำ สถานีโทรทัศน์เคโลแลนด์ และสำนักงานแพร่ภาพและกระจายเสียงแห่งเซาท์ดาโคตา)