หน้าแตกกันทั่วถ้วน ไม่ว่าจะ ดัชเชสเมแกน พระสุณิสาแห่งพระราชวงศ์อังกฤษ หรือกองเชียร์ในบางสื่อเว็บไซต์ เมื่อ แกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศเลือก ลาฟอนซา บัตเลอร์ นักยุทธศาสตร์พรรคเดโมแครต อดีตประธานสหภาพแรงงานแคลิฟอร์เนีย และอดีตที่ปรึกษาของกมลา แฮร์ริส ขึ้นรับสืบทอดตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาแทน ไดแอนน์ ไฟน์สไตน์ เจ้าของเก้าอี้ทรงเกียรติซึ่งถึงแก่กรรมเมื่อศุกร์ที่แล้ว 29 กันยายน 2023 โดยที่ว่าตลอดสามวันถัดมา มีการจุดกระแสเชียร์โครมครามว่า เมแกน มาร์เคิล อดีตนักแสดงคนดังแห่งตลาดซีรีส์ทีวี มีโอกาสจะถูกเลือกให้สืบทอดหน้าที่ ส.ว. นี้ สกายนิวส์รายงาน
กระแสแรงเชียร์และแรงร่ำลือดังกล่าวเดินหน้าโหมกันไป แบบโนสนโนแคร์กับคำวิจารณ์คัดค้านว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อดัชเชสผู้ซึ่งอื้อฉาวยิงยาวนานหลายปี ตกอยู่ในสถานการณ์เรตติ้งความป็อปปูลาร์ติดลบเรื้อรัง (ซึ่งหมายถึงผลการสำรวจพบว่าผู้คนในสหรัฐฯ ที่ไม่ชอบดัชเชสมีมากกว่าคนที่ชอบ) ขณะที่ ผู้ว่าฯ แห่งพรรคเดโมแครตก็มีความรับผิดชอบหนักหนาว่าบุคคลที่เลือกขึ้นมา จะต้องมีพลังดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เทคะแนนเสียงสนับสนุนเดโมแครตได้อย่างล้นหลาม เพราะในปีหน้า 2024 พรรคต้องต่อสู้เอาชนะศึกเลือกตั้งอันดุเดือด
ทั้งนี้ การตัดสินใจของผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียมีขึ้นตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม แต่สื่อมวลชนและประชาชนได้ทราบแน่นอนในวันอังคารที่ 3 ตุลาคม เมื่อ ลาฟอนซา บัตเลอร์ เข้าพิธีสาบานตนกับกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี ผู้มีฐานะเป็นประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง
ในการนี้ สกู๊ปสั้นๆ ของ นิวยอร์กโพสต์ สื่อค่ายยักษ์ที่ทรงอิทธิพลอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ฟันธงไว้ในวันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคมว่า
“จะเกิดขึ้นไหม วุฒิสมาชิกเมแกน มาร์เคิล?
“ไม่มีแนวโน้มเลย ที่ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์จะถูกเลือกให้ปฏิบัติหน้าที่แทนวุฒิสมาชิกไดแอนน์ ไฟน์สไตน์ ผู้ถึงแก่กรรมด้วยวัย 90 กะรัต”
ท่าทีนี้ของนิวยอร์กโพสต์เป็นการให้คำตอบแก่กระแสแห่เชียร์ เผื่อฟลุ้กว่าจะทำให้มีการหันมาพิจารณามอบมงกุฎ ส.ว. แก่บุคคลผู้มีนามว่า เมแกน มาร์เคิล
โดยกระแสดังกล่าวผุดขึ้นมาแบบปุบปับ ไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมกับมีสื่อตัวตึงหลายค่าย อาทิ เดลิเมลออนไลน์ ที่ร่วมด้วยช่วยกันตั้งแต่วันเสาร์ที่ 30 กันยายน อันเป็นวันรุ่งขึ้นหลังมรณกรรมของวุฒิสมาชิกไดแอนน์ ไฟน์สไตน์
เดลิเมลออนไลน์จุดประเด็นดัชเชสเมแกนกับเก้าอี้วุฒิสภาชิกอเมริกัน ด้วยการเปิดเรื่องอย่างเนียนๆ ว่าชื่อของดัชเชสถูกเอ่ยกันในแวดวงฮอลลีวู้ดตั้งแต่ค่ำคืนศุกร์ที่มีข่าวมรณกรรม โดยคุยว่าเธอมีโอกาสน้อยนิดเหลือเกินที่จะได้รับเลือกเข้าไปเป็นวุฒิสมาชิกแทนที่ ไดแอนน์ ไฟน์สไตน์
หลังจากนั้น เดลิเมลออนไลน์อ้างแหล่งข่าวระดับนายทุนใหญ่ของพรรคเดโมแครต ซึ่งสนิทสนมอย่างดีกับผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อชงไปถึงประเด็นที่มีการเก็งกันขึ้นมาว่าดัชเชสเมแกนน่าจะประกาศตัวเข้าร่วมรณรงค์ชิงเก้าอี้สมาชิกวุฒิสภา
‘อันที่จริงแล้ว นักข่าวของเดลิเมลออนซันเดย์เองก็ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ภายในไม่กี่นาทีหลังการประกาศเรื่องมรณกรรม โดยโทรศัพท์ของแหล่งข่าวดังกล่าวถึงคราวดังรัวๆ มีการเรียกสายเข้าไปหลายราย เพื่อจะสนทนากะเก็งกันว่า ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์น่าจะประกาศเปิดตัวเข้าช่วงชิงเก้าอี้นี้’ เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้น
พร้อมกันนี้ ก็ได้ให้ข้อมูลว่าผู้ที่ได้รับเลือกจะได้ทำหน้าที่ยาวไปตลอด 13 เดือนที่อายุงานของ ส.ว. ไฟน์สไตน์ ยังเหลืออยู่จนกว่าจะถึงรอบของการเลือกตั้งประธานาธิบดีและการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน 2024 แล้วอายุงานของ ไฟน์สไตน์ จะยุติในเดือนมกราคม 2025”
ทั้งนี้ กฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนียเปิดทางให้ผู้ว่าฯ มีอำนาจเลือกบุคคลที่เหมาะสมเข้าทำหน้าที่แทนสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมีเหตุให้ต้องพ้นออกจากตำแหน่ง เพราะการเสียชีวิต หรือเพราะได้รับตำแหน่งที่สูงกว่า เช่น กรณีของสมาชิกวุฒิสภา กมลา แฮร์ริส ที่ขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี
และด้วยความที่ดัชเชสผู้ซึ่งกลุ่มก๊วนช่วยกันเชียร์อยู่นั้น มากมายด้วยปัจจัยลบร้าย (ทั้งด้านเรตติ้งความน่านิยมชมชอบอยู่ในระดับติดลบเรื้อรัง ทั้งด้านการงานไม่โอเค ถูก“สปอติฟาย”ตัดขาด ไม่ต่อสัญญาธุรกิจพอดแคสต์มูลค่ามหาศาล ทั้งปัญหาเตียงหมิ่นเหม่จะหัก พระสวามีออกพระอาการรักจืด ไปจนถึงสถานการณ์ถูกแวดวงเซเลบเลิกคบหาสมาคม หรือกระทั่งแหวนหมั้นเพชรลูกเขื่องสามเม็ดมูลค่ากว่า 5.4 ล้านบาท หายไปจากนิ้วนางอย่างถาวร ฯลฯ นั้น) เดลิเมล์ออนไลน์จึงต้องนำเสนอแบบเชียร์ไปก็ออกตัวไป ด้วยคำพูดของแหล่งข่าวเงินถุงเงินถัง ดังนี้
“แน่นอนอยู่แล้วว่าดัชเชสเมแกนมีโอกาสน้อยนิดอย่างยิ่ง ที่จะถูกเลือกไปสู่ตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา แต่ในความบ้าๆ บอๆ ของการเมืองสหรัฐฯ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เรื่องอย่างนี้สำหรับดัชเชสเมแกน ก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ สิ่งบ้าๆ บอๆ กว่านี้ก็เคยปรากฏมานักต่อนักแล้ว” เดลิเมล์ออนไลน์นำเสนอด้วยประเด็นรองรับได้แค่นี้จริงๆ
ในการชงชื่อดัชเชสเมแกนขึ้นสู่ความรับรู้ของสาธารณชน มีการอธิบายข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องว่า แกวิน นิวซอม เคยลั่นวาจาไว้ในรายการสัมภาษณ์ข่าวของ MSNBC ว่าจะดึงสตรีผิวดำที่โปรไฟล์ดีเยี่ยม มารับตำแหน่งแทน ส.ว. ไดแอนน์ ไฟน์สไตน์ แต่ปัญหามีอยู่ว่าประดาผู้ที่เหมาะสมที่สุดทั้งปวง ล้วนประกาศตัวแล้วว่า จะเป็นแคนดิเดตในศึกเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไตรมาส 3/2024
ด้วยเหตุนี้ การจะไปเลือกสุดยอดแคนดิเดตคนใดคนหนึ่งออกมารับตำแหน่งไปพลางก่อน (โดยต้องยอมรับเงื่อนไขว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง) ย่อมไม่เป็นธรรมแก่ผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ์นี้ เดลิเมลออนไลน์บอกว่าแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งวิเคราะห์ไว้อย่างนั้น ก่อนจะขมวดปมลงมาว่า
“สตรีผิวดำที่เหมาะสมและตรงกับเงื่อนไขเหล่านี้ ซึ่งมิได้ประกาศตัวจะเป็นแคนดิเดตนั้น ไม่เหลือแล้ว ซึ่งนั่นคือเหตุผลว่าทำไมชื่อ เมแกน มาร์เคิล จึงถูกเอ่ยถึงขึ้นมาสำหรับการเป็น ส.ว.ตัวแทนในช่วง 13 เดือนก่อนจะมีการเลือกตั้งทั่วไป”
แต่ข้อจำกัดข้างต้นนี้ที่บอกว่า ไม่เหลือตัวเลือกแล้วและจึงต้องหันไปมองดัชเชสเมแกน อาจจะฟังขึ้น หากเรื่องนี้เกิดขึ้นในรัฐอื่นๆ ที่มีความหนาแน่นของประชากรไม่มากนัก มีการต่อสู้ระหว่างว่าที่นักการเมืองไม่มากนัก มีงบประมาณภาครัฐไม่สูงมหาศาลเท่ากับแคลิฟอร์เนีย ฯลฯ
แต่ที่นี่ แคลิฟอร์เนีย ซูเปอร์มลรัฐ ซึ่งมหาศาลไปด้วยสตรีผิวดำผู้เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและสังคม ตรรกะของกองเชียร์ดัชเชสเมแกนสู่คองเกรสสหรัฐฯ จึงแป็ก เพราะฟังไม่ขึ้น
โหมกระพือไปมาอยู่เพียง 2-3 วัน สกายนิวส์ก็พาดหัวข่าวว่า ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ก็มีอันจะต้องอับอายเสียหน้า เมื่อผู้ว่าฯ แกวิน นิวซอม ทิ้งตัวเลือกนามว่า เมแกน มาร์เคิล แล้วไปประกาศนามของสตรีผิวดำ “ลาฟอนซา บัตเลอร์” ให้ได้รับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาแทนที่ ส.ว.ไฟน์สไตน์
โดยลาฟอนซา บัตเลอร์ ก็เป็นตัวเลือกที่โอเคอย่างยิ่ง เธอคร่ำหวอดในแวดวงการเมือง และเป็นผู้ที่มากมายด้วยผลงานและประสบการณ์โดดเด่น อาทิ การเป็นอดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐแคลิฟอร์เนีย
กล่าวอีกทีก็คือ ผู้ว่าฯ แกวิน นิวซอม มีตัวเลือกที่ครบถ้วนด้วยคุณสมบัติถูกตรงตามเงื่อนไขทั้งปวง ให้ตัดสินเลือกขึ้นมาอย่างมั่นใจโดยไม่ยากเย็น และสามารถเสร็จเรื่องนี้อย่างรวดเร็วภายในวันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม 2023 กันทีเดียว
เป็นอันว่า ตัดบทจบขาดเหล่ากระแสชงชื่อ เมแกน มาร์เคิล ผู้ที่มีวงจรชีวิตเกี่ยวข้องกับการเมืองระดับชาติเพียงเล็กน้อย โดยมีการสร้างสัมพันธ์กับนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวทางสังคมบางราย มีการบริจาคเงินสนับสนุนทางการเมืองหนึ่งครั้ง และมีการผลักดันประเด็นสวัสดิการลาคลอดบุตรไปทางสมาชิกรัฐสภาหนึ่งครั้ง ขณะที่ชีวิตส่วนใหญ่ของเธอหมดไปกับการออกสื่อเพื่อโจมตีพระราชวงศ์อังกฤษซ้ำไปซ้ำมา โดยการออกสื่อดังกล่าวก็เป็นไปเพื่อทำรายได้เข้าสู่ครอบครัวนั่นเอง
อันที่จริง ความพยายามจุดกระแสตลอดสามสี่วันนี้ นับว่าปล่อยฝีมือแค่พอเบาะๆ และทำทีให้ดูเสมือนจะไม่รู้ถึงการที่ผู้ว่าฯ นิวซอม วางระยะห่างไว้กับดัชเชส นอกจากนั้น ยังมีอาการนัวๆ แกล้งลืมๆ ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน และภริยา เดินนโยบายตีชิ่งออกจากปรินซ์แฮร์รีและพระชายามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว ปี 2022
ในการดังกล่าวนี้ นักวิเคราะห์การเมืองและนักเขียนนักข่าวคนดัง นามว่า เอสเตอร์ แครกเกอ เปิดเผยข้อมูลที่ได้รับมาจากแหล่งข่าวที่เป็นผู้บริจาครายใหญ่ของพรรคเดโมแครตว่า ดัชเชสเมแกนสนใจจะเข้าสู่แวดวงการเมือง และจะเปิดตัว รณรงค์ช่วงชิงเก้าอี้ 13 เดือนของอดีต ส.ว.ไฟน์สไตน์
โดยแหล่งข่าวของสาวเอสเตอร์ แครกเกอ กระซิบไว้ว่าดัชเชสและพระสวามีได้สนทนาผ่านซูมกับผู้ว่าฯ นิวซอม นานราวหนึ่งชั่วโมง ซึ่งผู้ว่าฯ มีบุคคลในลิสต์แล้ว ดัชเชสจึงตั้งเป้าหมายของตนไว้ที่ระดับไม่สูง คือ ขอตอกย้ำชื่อให้สาธารณชนจดจำไว้เสมอ อันเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่สำคัญประเภทหนึ่ง ซึ่งหมายถึงว่าขอผลสัมฤทธิ์แค่เพียงการโหมชื่อเมแกน มาร์เคิล ไว้บนเวทีการเมืองระดับชาติ ขอเพียงเท่านี้เลย
กลุ่มก๊วนแห่งการจุดกระแส จึงโนสนโนแคร์กับข้อเท็จจริงสำคัญสองประการที่ดำเนินอยู่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาระหว่าง ฝ่ายผู้ว่าฯ แห่งพรรคเดโมแครต ผู้ที่ต้องต่อสู้หนักหนากับพรรครีพับลิกันในปีแห่งการเชือดเฉือนทางการเมืองขั้นสุด กับฝ่ายดัชเชสผู้ตกกระป๋อง หมดราคาทางสังคมแล้ว หลังถูกพระราชวงศ์อังกฤษตัดขาด 100% ไร้โอกาสจะเข้าถึงแวดวงซูเปอร์ไฮโซแห่งสหราชอาณาจักร แม้จะมีพระราชนัดดาของกษัตริย์อังกฤษที่อาจเป็นตัวช่วยได้บ้าง ดังนี้
ในประการแรก คือ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 ซึ่งยังเป็นห้วงที่ภาพลักษณ์ของดัชเชสเมแกนแสนจะเจิดจรัส เคยมีการปล่อยข่าวออกไปว่าผู้ว่าฯ แกวิน นิวซอม (ซึ่งสรรหาผู้ที่จะเลือกขึ้นมาปฏิบัติงานสมาชิกวุฒิสภาแทนที่ กมลา แฮร์ริส หากว่าวุฒิสมาชิกแฮร์ริสประสบความสำเร็จได้ขึ้นสู่ตำแหน่งรองประธานาธิบดีนั้น) ได้ทำการสัมภาษณ์ดัชเชสในเดือนตุลาคม 2020
แต่เอาเข้าจริง ต่อให้ข่าวลือดังกล่าวเป็นจริงที่ว่า ผู้ว่าฯ นิวซอม ได้ทำการสัมภาษณ์ดัชเชสเมแกน ก็ตาม ผู้ว่าฯ แคลิฟอร์เนียก็มิได้เลือกผู้ซึ่งไร้พลังแม่เหล็กทางการเมือง นามว่า เมแกน มาร์เคิล เข้าปฏิบัติงานแทน กมลา แฮร์ริส
ดังนั้น ในศักราช 2023 นี้ ที่ดัชเชสของเจ้าชายแฮร์รีไม่เหลือราคาทางการเมืองเอาเลย มีหรือที่บรรดาท่านผู้ชมจะสละเวลามาตั้งวงวิเคราะห์ว่า ผู้ซึ่งไร้แสง นามว่า เมแกน มาร์เคิล จะมีโอกาสลุ้นส้มหล่น โดยมงกุฎสมาชิกวุฒิสภาจะลอยลงสวมศีรษะของเธออย่างเท่ๆ และพาเธอเข้าสู่คองเกรสสหรัฐฯ เพราะรัฐสภาอเมริกันเป็นเวทีที่ต้องการคนซึ่งไม่ไก่กา เวทีที่ต้องการตัวจริงของจริงที่ทุ่มเทกับงานการเมืองเต็มตัว ขณะที่พรรคเดโมแครตก็ต้องการคนที่ทรงพลังในการดึงคะแนนนิยมจากมวลมหาประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ให้หลั่งไหลมาสู่พรรคได้อย่างมหาศาล
ในประการที่สอง ในความพยายามรักษาสายสัมพันธ์กับประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน กับสุภาพสตรีหมายเลข 1 ดร.จิลล์ ไบเดน นั้น ดัชเชสเมแกนแห่งซัสเซกซ์ และปรินซ์แฮร์รี พระราชโอรสพระองค์สุดท้องของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงถูกครอบครัวหมายเลข 1 ทำการเท หมดเกลี้ยงไปพร้อมกับความทรงจำแห่งสายสัมพันธ์ดีงามที่สานไว้หลายปี หลังจากที่ทั้งสองพระองค์ได้โจมตีป้ายสีพระราชวงศ์อังกฤษอย่างรุนแรงและซ้ำซาก จนกระทั่งว่าพระราชสำนักทยอยจัดชั้นให้ทั้งสองพระองค์หลุดห่างออกจากแวดวงสมาชิกระดับวงในชั้นนิวเคลียส ตามสถานภาพแท้จริงที่ว่า ทั้งสองมิได้ทรงเป็นสมาชิกพระราชวงศ์ที่ทรงงานของสำนักพระราชวังบัคกิงแฮม
สกู๊ปของนิวยอร์กโพสต์รายงานไว้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 ว่าผู้คนเคยคิดว่า ดร.จิลล์ ไบเดน ภริยาของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้ความเมตตาสนิทสนมอย่างยิ่งแก่เจ้าชายแฮร์รีภายใต้ภารกิจการจัดมหกรรมกีฬาอินวิคตัสเกมส์เมื่อปีต่างๆ ที่ผ่านมา แต่แหล่งข่าวของนิวยอร์กโพสต์ชี้ว่า หากข้อมูลนี้รั่วออกมาจากค่ายของครอบครัวหมายเลข 1 มันก็น่าจะไม่เป็นจริงแล้ว
สัญญาณในประเด็นนี้ชัดเจนมากขึ้นหลังจากที่สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ทรงเอาจริงในการทรงบังคับใช้พระราชประเพณี ส่งผลให้ปรินซ์แฮร์รีกับดัชเชสเมแกนต้องหลุดจากแวดวงของพระราชวงศ์ชั้นสูงสุด มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่บรรดา VVIP โลกจะทำการลดชั้นความสำคัญของปรินซ์และดัชเชสลงตามสถานะที่เปลี่ยนไป เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีกับประมุขแห่งสหราชอาณาจักร
ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และภริยา ก็ต้องสร้างระยะห่างออกจากปรินซ์และดัชเชสเช่นกัน
ประธานาธิบดีอเมริกันและสุภาพสตรีหมายเลข 1 ได้เขยิบออกห่างปรินซ์แฮร์รีและดัชเชสเมแกน ตั้งแต่เดือนเม.ย. 2022 เมื่อดร.จิลล์ ไบเดน ปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วมมหกรรมการแข่งขันกีฬานานาชาติอินวิคตัสเกมส์สำหรับเสริมสร้างขวัญกำลังใจและสมรรถนะของทหาร ณ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ อันเป็นมหกรรมกีฬารายการใหญ่ที่ปรินซ์แฮร์รีทรงก่อตั้งและส่งเสริมสนับสนุนมาโดยตลอดนับจากปีแรก 2014 ถึงปัจจุบัน นิวยอร์กโพสต์ให้ข้อมูลอย่างนั้น
โดยสิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ดร.จิลล์ ไบเดน ได้ยุติบทบาทประธานคณะทหารนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันนานาชาติอินวิคตัสเกมส์ ที่เคยรับหน้าที่นี้ในอินวิคตัสเกม ปี 2016 ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ ขณะดำรงตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขสอง
ทั้งนี้ นิวยอร์กโพสต์ชี้ว่าอันที่จริงนั้น ดร.จิลล์ อยากจะตอบรับคำเชิญไปเข้าร่วมวิคตัสเกมส์ 2022 เดือนเมษายน เพราะดร.จิลล์ให้ความสำคัญแก่กิจกรรมเพื่อทหารหาญ เนื่องจากลูกเลี้ยงที่เป็นเรือพ่วงมากับพ่อหม้ายโจ ไบเดน อาทิ โบ ไบเดน ซึ่งเธอรักและเลี้ยงดูขึ้นมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ก็เคยรับราชการทหารอย่างเอาจริงเอาจังในสงครามอิรัก ก่อนจะลาออกจากราชการ เข้าสู่วงการเมือง และได้รับเลือกตั้งเป็นอัยการสูงสุดแห่งรัฐเดลาแวร์ จนกระทั่งเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยโรคมะเร็งสมอง
แต่คณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอังกฤษแจ้งความกังวลต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ว่า ภาพอาจจะออกมาไม่โอเค หากสุภาพสตรีหมายเลข 1 ปรากฏตัวในมหกรรมกีฬาที่เจ้าชายแฮร์รีทรงเป็นโต้โผใหญ่ เรื่องจึงลงเอยด้วยการมอบหมายให้ รมว.คมนาคม พีต บูติเจิจ และสามี เป็นผู้นำคณะทหารนักกีฬาของสหรัฐฯ เข้าร่วมแทน นิวยอร์กโพสต์รายงานอย่างนั้น
ในเมื่อผู้ใหญ่มีนโยบายอย่างนี้ ผู้ว่าฯ นิวซอม ซึ่งเป็นทีมเดียวกันและเหนียวแน่นกัน ก็ย่อมจะปฏิบัติไปในนโยบายเดียวกัน
กระนั้นก็ตาม นโยบายดังกล่าวนี้เป็นอะไรที่ ผู้ว่าฯ นิวซอม ปฏิบัติมาระดับหนึ่งแล้วตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
กล่าวคือ อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้สร้างระยะห่างจากดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์
นิวยอร์กโพสต์เล่าว่าหลังจากที่เคยพัฒนาความสัมพันธ์อบอุ่นในช่วงที่ดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซกซ์ ยังมิได้ทรงคบหาศึกษาดูใจกับแม่ม่ายหย่าร้าง เมแกน มาร์เคิล บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไปในปี 2020 ที่ทั้งสองพระองค์ย้ายถิ่นไปปักหลักในถิ่นมอนเตซิโต รัฐแคลิฟอร์เนีย แบบว่าสวนทางกับกระแสสังคมแห่งศักราชนั้นที่คนอเมริกันยังแห่สงสารเห็นใจเจ้าหญิงอเมริกันที่ถูกพระราชสำนักอังกฤษกดดันหนักหนา กระทั่งว่าต้องแยกวงออกจากพระราชตระกูล
ทั้งนี้ ผู้คนเมาท์มอยกันในช่วงแรกๆ ว่าบารัค โอบามา และมิเชล โอบามา จะรับดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ไปฟูมฟักในปีกการเมืองของตน แต่เหตุการณ์ปรากฏออกมาว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย นิวยอร์กโพสต์รายงานอย่างนั้น
พร้อมนี้ นิวยอร์โพสต์ก็รายงานไปถึงท่าทีของผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ไม่เสวนากับดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ด้วย ดังนี้
“ผู้ว่าฯ แกวิน นิวซอม มิได้ตอบคำถามจากสื่อว่าได้ทำการ ‘บล็อก’ ดัชเชสเมแกนไปแล้วหรืออย่างไร” เพราะที่ผ่านมามีรายงานที่ไม่สามารถยืนยันแหล่งข่าว ปรากฏออกมามากมายว่าดัชเชสเคยล็อบบีขอความอนุเคราะห์จากผู้ว่าฯ นิวซอม ในเรื่องบทบาททางการเมือง
แต่แม้ ผู้ว่าฯ นิวซอม ไม่ได้ตอบ กระนั้นก็ตาม รูปธรรมที่เกิดขึ้นคือ ท่านผู้ว่าฯ มิได้เลือกให้ดัชเชสเมแกนได้ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาที่ว่างลง หลังจากที่ กมลา แฮร์ริส ก้าวขึ้นรับตำแหน่งรองประธานาธิบดี ทั้งที่ว่าก่อนหน้านั้นได้มีความพยายามโหมกระแสชี้นำสังคมว่า เจ้าหญิงอเมริกันรายนี้มีโอกาสอย่างยิ่งที่จะได้รับเลือก เพราะภาพลักษณ์ของเธอเจิดจรัสเหลือเกิน
แต่ทว่าปัญหาหลักคือ สิ่งที่ดัชเชสกระทำต่อพระราชวงศ์อังกฤษ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความทะเยอทะยานรุนแรง ความเอาแต่ใจขั้นสุด และความเจ้าคิดเจ้าแค้นด้วยวิธีไม่ฉลาด เกินกว่าที่คนในแวดวงการเมือนจะอยากร่วมงานด้วยยาวๆ
ผู้ว่าฯ นิวซอม สยบพิษทะเยอทะยานของ ดัชเชสเมแกน โดยเลือกนักเคลื่อนไหวทางสังคม เป็น ส.ว. ทดแทนคนเก่าที่ถึงแก่กรรมตามวัย 90 กะรัต
ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียประกาศเลือกลาฟอนซา บัตเลอร์ ให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาอเมริกัน แทนที่ ส.ว. ไดแอนน์ ไฟน์สไตน์ ผู้ล่วงลับด้วยวัย 90 กะรัต พร้อมกับดับข่าวลือต่างๆ นานาที่ลุ้นให้ดัชเชสเมแกนได้ตำแหน่งเกียรติยศนี้ สกายนิวส์แห่งออสเตรเลียรายงาน
ทั้งนี้ ในฐานะที่ แกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐฯ มีหน้าที่ตามกฎหมายของรัฐที่จะต้องเลือกบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ส.ว. ของไดแอนน์ ไฟน์สไตน์ ไปพลางก่อน จนกว่าที่ตำแหน่งนี้จะหมดอายุลงในเดือนมกราคม 2025 โดยจะต้องมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภากันในเดือนพฤศจิกายน 2024
และแล้ว ในท่ามกลางกระแสข่าวลือไร้สาระไร้ความสมเหตุสมผล ที่นำชื่อของดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ขึ้นสู่ความรับรู้ของสาธารณชน ผู้ว่าฯ นิวซอม ได้ทำให้ดัชเชสเสียหน้าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปีนี้ โดยประกาศมอบตำแหน่งให้แก่ผู้ที่เหมาะสมอย่างแท้จริง และครบเครื่องทุกประการ อันได้แก่ ลาฟอนซา บัตเลอร์ สุภาพสตรีดวงใจแกร่งกล้าเยี่ยงสุภาพบุรุษทรนง
ลาฟอนซา บัตเลอร์ วัย 45 กะรัต เป็นนักยุทธศาสตร์ของพรรคเดโมแครต และในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ปี 2020 เธอเป็นที่ปรึกษาของ กมลา แฮร์ริส
ทั้งนี้ ขณะที่ก้าวขึ้นรับตำแหน่ง ส.ว. ลาฟอนซา บัตเลอร์ จะเป็นสตรีผิวดำเพียงคนเดียวในวุฒิสภาชุดปัจจุบัน และเป็นชาว LGBTQ+ โดยเปิดเผยคนแรกที่เป็นผู้แทนจากรัฐแคลิฟอร์เนียภายในคองเกรสสหรัฐฯ เอพีรายงานอย่างนั้น
แกวิน นิวซอม ฝากความหวังไว้ในคำประกาศว่า ลาฟอนซา บัตเลอร์จะสืบทอดภารกิจของ อดีต ส.ว.ไฟน์สไตน์ ในการทลายเพดานแก้ว และการต่อสู้ในวอชิงตัน ดี.ซี. ให้แก่ชาวแคลิฟอร์เนีย
ในหลากหลายผลงานและความสำเร็จของ ลาฟอนซา บัตเลอร์ ภายในแวดวงการเมืองอเมริกัน เรื่องที่โดดเด่นคือการบริหารองค์การ EMILY’s List ซึ่งเป็นองค์กรการเมืองที่สนับสนุนนักการเมืองสตรีของพรรคเดโมแครตที่สนับสนุนสิทธิสตรีในด้านการทำแท้ง
ยิ่งกว่านั้น EMILY’s List ยังเป็นที่เลื่องลือในด้านความทรงพลังในการระดมเงินบริจาค โดยเงินบริจาคที่ระดมขึ้นมานั้น เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อกิจกรรมการรณรงค์ต่างๆ ทั่วรัฐแคลิฟอร์เนีย
นอกจากนี้ ลาฟอนซา บัตเลอร์ ยังเคยเป็นผู้นำแรงงานของสหภาพแรงงานแคลิฟอร์เนีย คือ SEIU 2015
ประสบการณ์และผลงานทั้งปวงบ่งบอกถึงความตั้งใจจริงของ ผู้ว่าฯ นิวซอม ที่จะสรรหาบุคคลมากความสามารถ เปี่ยมประสบการณ์การเมือง และมีจิตสาธารณะในการอุทิศตนเพื่อประชาชน
บอกได้เลยว่า ลาฟอนซา บัตเลอร์ ที่ผู้ว่าฯ นิวซอม เลือกสรรมา มิใช่บุคคลไก่กา เธอเหนือชั้นอย่างยิ่งกว่ากระแสวูบวาบที่ถูกโหมขึ้นมาแบบเฉพาะกิจในห้วงสามสี่วันอันไร้สาระที่เพิ่งผ่านมา
ส่วนสำหรับอนาคตทางการเมืองของเจ้าหญิงอเมริกัน นามว่า ปรินเซสแฮร์รีแห่งซัสเซกซ์ (ซึ่งเป็นวิธีเรียกชื่อที่ถูกต้องโดยต้องล้อตามชื่อของพระสวามีที่ทรงเป็นเจ้าของพระอิสริยยศ) นั้น นิวยอร์กโพสต์รายงานคำพูดของสหายแห่งหญิงแกร่งผู้โด่งดังด้านการเคลื่อนไหวสิทธิสตรี กลอเรีย สไตน์เนม ว่าดัชเชสเมแกนสนใจการเมืองเหนือสิ่งอื่นใด และเชื่อว่าพลังอำนาจของเธออยู่ตรงนั้น เดลิเมลออนไลน์รายงานไว้
แต่สมาชิกอื่นๆ ของพรรคเดโมแครต ไม่ค่อยจะเห็นด้วย โดยรายหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งข่าวของเดลิเมลออนซันเดย์ ให้ความเห็นว่า
“เราไม่คิดหรอก ว่าใครควรจะไปเอาอะไรซีเรียสจากเมแกน”
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: นิวยอร์กโพสต์ เดลิเมลออนไลน์ สกายนิวส์ เอพี)