ประธานาธิบดี อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ แห่งเม็กซิโกออกมาตำหนินโยบายของสหรัฐฯ ที่ยอมอนุมัติงบช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนนับหมื่นๆ ล้านดอลลาร์ โดยชี้ว่าเป็นเรื่อง “ไม่สมเหตุสมผล” พร้อมเรียกร้องให้วอชิงตันหันมาทุ่มเททรัพยากรช่วยเหลือกลุ่มประเทศแถบละตินอเมริกาให้มากกว่าที่เป็นอยู่
โลเปซ โอบราดอร์ เรียกร้องมานานให้สหรัฐฯ จัดสรรเงินทุนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในอเมริกากลางและแคริบเบียน เพื่อลดแรงกดดันจากปัญหาผู้อพยพ
ในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (2 ต.ค.) โลเปซ โอบราดอร์ วิจารณ์สภาคองเกรสสหรัฐฯ ที่ไม่ยอมอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือภูมิภาคแถบนี้เลย ก่อนจะอ้างไปถึงกฎหมายงบประมาณชั่วคราว (stopgap funding bill) ของสหรัฐฯ ที่ตัดงบช่วยเหลือยูเครนออก
“ผมกำลังมองอยู่ว่า ตอนนี้พวกเขาเริ่มไม่อนุมัติงบช่วยเหลือสงครามยูเครน” ผู้นำเม็กซิโกกล่าว “แต่ที่ผ่านมามีเงินมากน้อยแค่ไหนแล้วที่ถูกส่งไปป้อนสงครามในยูเครน? 30,000-50,000 ล้านดอลลาร์เพื่อสงครามครั้งนี้ มันเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจและสร้างความเสียหายมาก”
“ดังนั้น พวกเขาจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์และเรียนรู้เรื่องการเคารพ นี่ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะทำเมินเฉยต่อรัฐบาลเม็กซิโกอีกต่อไป”
สถานทูตยูเครนประจำกรุงเม็กซิโกซิตี้ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นตอบโต้ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ยังไม่ตอบคำถามสื่อมวลชนเช่นกัน
โลเปซ โอบราดอร์ ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายซ้ายพยายามรักษาจุดยืน “เป็นกลาง” ต่อสงครามในยูเครน แต่ขณะเดียวกันก็วิจารณ์ชาติตะวันตกที่จัดส่งทั้งอาวุธและเงินทองช่วยเหลือเคียฟไม่หยุดหย่อน เขายังเคยเสนอให้รัสเซีย-ยูเครนเร่งเปิดเจรจาสันติภาพเพื่อจบสงครามครั้งนี้
เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว โลเปซ โอบราดอร์ ก็ได้ออกมาชี้แจงปกป้องจุดยืนของรัฐบาลแดนจังโก้ หลังมีการเชิญเชื้อทหารรัสเซียเข้าร่วมพิธีสวนสนามเนื่องในวันครบรอบ 213 ปีการประกาศเอกราชของเม็กซิโก จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเม็กซิโกกำลังเปิดพื้นที่ให้พวกทหารที่รุกรานยูเครน
กระนั้นก็ตาม รัฐบาลเม็กซิก็เคยโหวตสนับสนุนญัตติสำคัญๆ ของสหประชาชาติที่วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของรัสเซียในสงครามยูเครน
ที่มา : รอยเตอร์