ประธานเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐฯ พลเอกมาร์ก มิลลีย์ กล่าวยอมรับในการให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์ของอเมริกาเมื่อวันอาทิตย์ (17 ก.ย.) ที่ผ่านมาว่า สิ่งที่สหรัฐฯ เคยกล่าวหาว่าเป็น “บอลลูนสปาย” ของจีน และจัดแจงส่งเครื่องบินรบรุ่นท็อปขึ้นไปสอยร่วงลงในทะเลทางชายฝั่งตะวันออกของอเมริกาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้รวบรวมหรือส่งข่าวกรองใดๆ กลับไปยังแดนมังกรเลย ทั้งนี้ฝ่ายจีนก็ได้ยืนยันมาตั้งแต่เริ่มแรกแล้วว่าบอลลูนนี้ไม่ได้เป็นยานใช้ในการสอดแนมแต่อย่างใด
ในที่สุดเรื่องราวบอลลูนสายลับของจีน ก็กลับกลายเป็นวิกฤตสุดพิลึกกึกกือของคณะบริหารของไบเดน จากการที่ผู้นำสหรัฐฯ ส่ง F-22 แรปเตอร์ เครื่องบินขับไล่รุ่นท็อป ขึ้นไปสอยบอลลูนจีนที่ถูกกล่าวหาว่า บินสอดแนมทั่วอเมริกาและทำให้ทั้งประเทศ โดยเฉพาะพวกนักการเมืองว้าวุ่นกันไปหมด
มาถึงตอนนี้ ซึ่งเวลาผ่านไป 7 เดือน ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐฯ ก็ออกมาเฉลยว่า บอลลูนดังกล่าวไม่ได้รวบรวมข้อมูลข่าวกรองอะไรทั้งนั้น
มิลลีย์ ให้สัมภาษณ์รายการ “ซีบีเอส นิวส์ ซันเดย์ มอร์นิ่ง” ว่า จากการประเมินที่มีความมั่นใจอย่างสูงของประชาคมข่าวกรองของสหรัฐฯพบว่า บอลลูนของจีนไม่ได้ทำกิจกรรมสอดแนมใดๆ ทั้งนี้ประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ หมายถึงองค์รวมของหน่วยข่าวกรองด้านต่างๆทั้งสิบกว่าแห่งของอเมริกา ที่มีสำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติเป็นหน่วยงานหัวแถว
แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คำถามที่จะต้องติดตามมาก็คือว่า ทำไมบอลลูนจีนลูกนี้จึงไปลอยเหนือน่านฟ้าอเมริกา คำถามนี้มีหลายทฤษฎีที่พยายามอธิบาย โดยเห็นกันว่าทฤษฎีที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ มันถูกกระแสลมพัดออกนอกเส้นทาง
มิลลีย์เองก็กล่าวว่า บอลลูนจีนมุ่งหน้าไปทางฮาวาย แต่กระแสลมแรงมาก ณ ระดับความสูง 60,000 ฟุต ทำให้มอเตอร์บอลลูนไม่สามารถต้านทานได้
ด้วยเหตุนี้บอลลูนจึงลอยไปยังรัฐอะแลสกาและแคนาดา ก่อนลดระดับลงสู่ความสูงต่ำกว่า 48,000 ฟุตเมื่อไปถึงเมืองบิลลิงส์ในรัฐมอนแทนา และถูก เชส โดค ที่เคยเทคคอร์สวิชาถ่ายภาพวารสารศาสตร์สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ถ่ายทั้งภาพและวิดีโอไว้ขณะขับรถเพื่อเอาไปให้เพื่อนร่วมงานดูว่า ใช่ยานมนุษย์ต่างดาวอย่างที่เขาสงสัยในตอนแรกหรือไม่
โดคแจ้งไปยังหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น บิลลิงส์ กาแซตต์ ซึ่งถ่ายภาพไว้ได้เหมือนกัน และบอกทุกคนว่า สามารถนำรูปของพวกเขาไปใช้ได้ฟรี เพราะเชื่อว่า เป็นปัญหาความมั่นคงของชาติ
และขณะที่สหรัฐฯส่งเครื่องบินสอดแนมแบบยู-2 ติดตามบอลลูนที่มีขนาด 200 ฟุตลำนี้อยู่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ได้ประกาศยกเลิกการเยือนจีนนัดสำคัญ โดยในวันที่ 3 กุมภาพันธ์เขาตำหนิการตัดสินใจของจีนในการปล่อยบอลลูนสอดแนมลอยเหนืออเมริกาว่า “ทั้งยอมรับไม่ได้และไร้ความรับผิดชอบ”
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน สั่งกองทัพอากาศยิงบอลลูนดังกล่าวทันทีที่ลอยถึงมหาสมุทรแอตแลนติก
พันเอกแบรนดอน เทลเลซ วางแผนปฏิบัติการไว้ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ซึ่งกำหนดให้ยิงบอลลูนหลังลอยห่างจากฝั่ง 6 ไมล์
ทว่า หลังจากกองทัพเรือสหรัฐฯ กู้ซากบอลลูนจากก้นมหาสมุทรแอตแลนติกขึ้นมา ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคจึงพบว่า เซ็นเซอร์ของบอลลูนไม่เคยเปิดทำงานขณะลอยเหนือแผ่นดินอเมริกา
แต่ถึงตอนนั้น ความเสียหายต่อความสัมพันธ์วอชิงตัน-ปักกิ่งได้เกิดขึ้นแล้ว อย่างที่ไบเดนเองได้พูดวิจารณ์เอาไว้เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมว่า “บอลลูนโง่ๆ ที่ขนอุปกรณ์สอดแนมน้ำหนักพอๆ กับรถบรรทุก 2 คันลอยเหนืออเมริกา และถูกยิงตก ทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปในแง่ของการพูดคุยกัน (ระหว่างสหรัฐฯกับจีน)”
เมื่อถูกซีบีเอสนิวส์จี้ถามว่า สรุปแล้วบอลลูนดังกล่าวสอดแนมกิจการสหรัฐฯ หรือไม่ มิลลีย์ตอบว่า “ผมคงต้องพูดว่า นั่นมันเป็นบอลลูนสอดแนม ซึ่งตามที่เรารับรู้และมีความมั่นใจในระดับสูงนั้น มันไม่ได้เก็บรวบรวมข่าวกรองและไม่ได้ส่งกลับข่าวกรองใดๆ กลับไปยังจีน”
(ที่มา: ซีบีเอสนิวส์, อาร์ที)