นับเป็นความเคลื่อนไหวซึ่งเป็นที่จับตามองทั่วโลก เมื่อ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ออกเดินทางเยือนรัสเซียอีกครั้งในสัปดาห์นี้เพื่อพบกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ท่ามกลางวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 18 เดือน โดยสองฝ่ายได้มีการหารือทั้งในประเด็นด้านการทหาร สถานการณ์การสู้รบในยูเครน รวมถึงความเป็นไปได้ที่มอสโกจะถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านอวกาศเพื่อช่วยยกระดับโครงการดาวเทียมของเกาหลีเหนือ
ผู้นำ คิม เดินทางด้วยรถไฟสีเขียวกันกระสุนจากเกาหลีเหนือไปยังภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย และมีรายงานจากสำนักข่าว TASS ว่า อเล็กซานเดอร์ คอซลอฟ รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของรัสเซีย ได้เดินทางไปต้อนรับ คิม ทันทีที่เดินทางถึงแดนหมีขาว พร้อมทั้งมอบของขวัญเป็นรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของแท้ของอดีตนักบินอวกาศโซเวียตหลายคน รวมถึง ยูริ กาการิน (Yuri Gagarin) ซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกที่เดินทางออกไปสัมผัสห้วงอวกาศ
ต่อมาผู้นำเกาหลีเหนือได้เดินทางไปยังศูนย์อวกาศ วอสตอชนี คอสโมโดรม (Vostochny Cosmodrome) ซึ่งเป็นท่าส่งยานอวกาศแห่งใหม่ที่ทันสมัยที่สุดของรัสเซีย เพื่อร่วมประชุมซัมมิตกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน โดยผู้นำรัสเซียได้จับมือทักทายกับ คิม นานถึง 40 วินาที พร้อมกล่าวว่า “ยินดีที่ได้พบคุณ...นี่เป็นคอสโมโดรมแห่งใหม่ของเรา”
ปูติน ยังกล่าวแสดงความยินดีกับ คิม เนื่องในโอกาสสำคัญต่างๆ รวมถึงวาระครบรอบ 75 ปีแห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ขณะที่ผู้นำ คิม ก็ได้กล่าวขอบคุณ ปูติน สำหรับคำเชิญมาเยือนรัสเซียและการต้อนรับที่อบอุ่น ก่อนจะลงนามในสมุดเยี่ยมเป็นภาษาเกาหลีว่า “ความรุ่งโรจน์ของรัสเซียซึ่งได้ให้กำเนิดผู้พิชิตอวกาศยุคแรกๆ จะยืนยงไม่มีวันตาย”
สถานีโทรทัศน์แห่งชาติรัสเซียรายงานว่า ปูติน ได้พา คิม เข้าไปชมอาคารที่ใช้ประกอบจรวดตระกูล Angara ซึ่งเป็นจรวดขนส่งรุ่นใหม่ความยาว 42.7 เมตรของรัสเซีย โดยระหว่างที่เดินชมอยู่นั้นผู้นำ คิม ได้มีการสอบถาม ปูติน เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ มากมาย
การที่ผู้นำทั้งสองเลือกพบปะกันที่ศูนย์อวกาศ วอสตอชนี คอสโมโดรม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนความมุ่งมั่นในการเป็นมหาอำนาจด้านอวกาศของรัสเซียนับว่ามีนัยสำคัญอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเกาหลีเหนือนั้นเพิ่งจะประสบความล้มเหลวในการส่งดาวเทียมสอดแนมถึง 2 ครั้งในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา
วอสตอชนี คอสโมโดรม ตั้งอยู่ในเขตอามูร์ (Amur) ในภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย ไม่ห่างจากชายแดนรัสเซีย-จีนมากนัก และอยู่ห่างจากเมืองท่าวลาดิวอสต็อกประมาณ 1,500 กิโลเมตร ขณะที่ชื่อของศูนย์อวกาศแห่งนี้ก็มีความหมายง่ายๆ ในภาษารัสเซียว่า “คอสโมโดรมตะวันออก”
ประธานาธิบดี ปูติน ดำริให้ก่อสร้างคอสโมโดรมแห่งนี้ขึ้นด้วยงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อลดการพึ่งพาฐานส่งจรวด “ไบโคนูร์ คอสโมโดรม” ในคาซัคสถาน ซึ่งกลายเป็นประเทศเอกราชหลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลายลงในปี 1991
วอสตอชนี คอสโมโดรม ถูกเปิดใช้งานครั้งแรกในปี 2016 เพื่อส่งจรวดโซยุซ-2 ขึ้นสู่อวกาศ และล่าสุดก็เพิ่งจะถูกใช้เป็นฐานส่งยานสำรวจดวงจันทร์ Luna-25 ก่อนที่ภารกิจจะล้มเหลวไป เนื่องจากยานตกกระแทกพื้นผิวดวงจันทร์เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา
ภายหลังเสร็จสิ้นการทัวร์ชมศูนย์อวกาศ ปูติน วัย 70 ปี และ คิม ในวัย 39 ปี ได้จัดการประชุมหารือพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีของทั้ง 2 ฝ่ายนานหลายชั่วโมง ตามมาด้วยการพูดคุยแบบตัวต่อตัว ก่อนจะร่วมรับประทานอาหารกลางวันซึ่งตามรายงานระบุว่า มีทั้ง pelmeni หรือเกี๊ยวรัสเซียซึ่งทำด้วยปูจากคาบสมุทรคัมชัตกา รวมถึงเมนูปลาสเตอร์เจียนกับเห็ดและมันฝรั่ง
ระหว่างรับประทานอาหารร่วมกัน ผู้นำ คิม ได้ดื่มอวยพรให้ ปูติน มีสุขภาพแข็งแรง และยกย่องความยิ่งใหญ่ของรัสเซียและมิตรภาพระหว่างทั้ง 2 ชาติ รวมถึงทำนายด้วยว่ามอสโกจะได้รับชัยชนะในสงครามกับยูเครนและโลกตะวันตก ซึ่งเขาเรียกว่าเป็น “การต่อสู้อันศักดิ์สิทธิ์”
ปูติน และ คิม ต่างเรียกขานกันและกันว่า “สหาย” และเป็นที่น่าสังเกตว่าผู้นำรัสเซียเอ่ยย้ำกับ คิม หลายหนว่าสหภาพโซเวียตเป็นชาติที่ให้การสนับสนุนและรับรองเกาหลีเหนือมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งประเทศเมื่อ 75 ปีก่อน
ปูติน ให้สัมภาษณ์เป็นนัยๆ หลายครั้งว่าจะมีการเจรจาความร่วมมือทางทหารกับผู้นำเกาหลีเหนือ และในการประชุมซัมมิตครั้งนี้ก็มี เซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซียเข้าร่วมหารือด้วย ขณะที่ทำเนียบเครมลินยืนยันว่า ผู้นำทั้งสองมีการพูดคุย “ประเด็นละเอียดอ่อน” หลายเรื่อง ซึ่งบางเรื่องก็ไม่สามารถเปิดเผยให้สาธารณชนทราบได้
เมื่อสื่อมวลชนรัสเซียตั้งคำถามกับ ปูติน ว่ามอสโกจะช่วยเกาหลีเหนือผลิตดาวเทียมหรือไม่? ก็ได้รับคำตอบจากผู้นำหมีขาวว่า “นั่นคือเหตุผลที่เราเดินทางมาที่นี่” และเมื่อสื่อถามต่อว่าจะมีการเจรจาเรื่อง “อาวุธ” กันด้วยหรือไม่? ผู้นำหมีขาวก็ตอบแบบกว้างๆ ว่า “จะคุยกันทุกเรื่อง”
สงครามยูเครนซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 18 เดือนทำให้รัสเซียขนเอาอาวุธในคลังแสงออกมาใช้อย่างสิ้นเปลือง ขณะที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้เชื่อว่า คิม อาจเดินทางไปรัสเซียเพื่อพูดคุยเรื่องการส่งอาวุธและเครื่องกระสุนป้อนกองทัพหมีขาว แม้ว่ามอสโกและเปียงยางจะปฏิเสธว่าไม่มีเจตนาเช่นนั้นก็ตาม
สำหรับรัสเซียแล้ว การประชุมซัมมิตครั้งนี้ถือเป็นโอกาสในการแก้เผ็ดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นชาติมหาอำนาจรายใหญ่ที่คอยหนุนหลังยูเครนมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนนักว่า ปูติน จะยอมส่งมอบเทคโนโลยีอันก้าวหน้าของรัสเซียเพื่อสานฝันให้เกาหลีเหนือมากน้อยเพียงใด
ลี ชุน กึน ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งเกาหลีใต้ให้ความเห็นว่า เมื่อฟังจากการให้สัมภาษณ์ของ ปูติน ก่อนที่จะพบกับ คิม ที่ศูนย์อวกาศ วอสตอชนี คอสโมโดรม ทำให้ตีความได้ว่า รัสเซียจะน่าจะ “สอน” เทคนิคการผลิตดาวเทียมให้เกาหลีเหนือมากกว่าจะลงมือสร้างให้เอง และการที่รัสเซียจะส่งดาวเทียมให้เกาหลีเหนือนั้นก็เป็นไปได้ยาก เพราะจะถือว่าละเมิดคำสั่งห้ามขององค์การสหประชาชาติ
“การถ่ายทอดเทคโนโลยีดาวเทียม หรือการร่วมมือระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือในด้านนี้ จะถือว่าละเมิดมติคว่ำบาตรของนานาชาติ... พวกเขาไม่มีทางเลี่ยงบาลีได้เลย” ลี กล่าว
อัน ชาน อิล อดีตผู้ลี้ภัยเกาหลีเหนือซึ่งผันตัวมาเป็นนักวิจัยประจำสถาบัน World Institute for North Korea Studies ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า รัสเซียมีความกระตือรือร้นอยากที่จะได้กระสุนปืนใหญ่จากเกาหลีเหนือเพื่อนำไปใช้ทำสงครามกับยูเครน ส่วนฝ่ายโสมแดงก็หวังจะได้เทคโนโลยีดาวเทียมจากรัสเซีย และต้องการให้มอสโกช่วยอัปเกรดอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้งานมาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต
“หากเกาหลีเหนือสามารถจัดส่งเครื่องยิงจรวดและกระสุนปืนใหญ่ให้แก่รัสเซียได้ในปริมาณมากๆ ย่อมจะส่งผลกระทบต่อทิศทางสงครามในยูเครนอย่างแน่นอน” อัน ระบุ
ทำเนียบขาวออกมาขู่ล่วงหน้าตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่า เกาหลีเหนือจะ “ต้องชดใช้ราคาแพง” หากจัดส่งอาวุธให้รัสเซียใช้ทำสงครามในยูเครน
วลาดิมีร์ ทิโคนอฟ อาจารย์ด้านเกาหลีเหนือศึกษาประจำมหาวิทยาลัยออสโล ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า การไปเยือนมอสโกของ คิม จองอึน ครั้งนี้อาจสร้างความไม่พอใจต่อ “จีน” ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านและมหามิตรที่ให้การปกป้องเปียงยางในเวทีนานาชาติเรื่อยมา
“ผมว่าจีนน่าจะไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ที่เห็นรัสเซียเข้าไปมีอิทธิพลมากขึ้นในเกาหลีเหนือ ซึ่งแต่ไหนแต่ไรจีนถือว่าเป็นดินแดนที่ตนเองผูกขาดอยู่” ทิโคนอฟ ระบุ พร้อมเผยว่าเกาหลีเหนืออาจยอมมอบกระสุนปืนใหญ่ยุคโซเวียตที่ตนเองมีอยู่มากมายให้รัสเซีย เพื่อแลกกับเทคโนโลยีด้านการทหาร สกุลเงินแข็ง หรือไม่ก็ความช่วยเหลือด้านอาหาร
นักวิชาการผู้นี้ยังมองว่า จีนอาจกังวลผลกระทบที่จะมีต่อเสถียรภาพในภูมิภาค หากรัสเซียถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการทหารให้แก่เปียงยางจริง และความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับเกาหลีใต้ย่ำแย่ลงจนยากที่จะกู้คืนกลับมาได้
อังกฤษเป็นอีกชาติที่ออกมาเตือนในวันพุธ (13 ก.ย.) ให้เกาหลีเหนือล้มเลิกแผนการเจรจาจัดส่งอาวุธช่วยรัสเซีย
“เราขอเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดเจรจาเรื่องอาวุธกับรัสเซีย และขอให้ปฏิบัติตามถ้อยแถลงที่ให้ไว้ต่อสาธารณชนว่าจะไม่มีการขายอาวุธให้รัสเซีย” โฆษกของนายกรัฐมนตรี ริชี ซูแน็ก ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
โฆษกของผู้นำอังกฤษยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การพบปะครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่ารัสเซียกำลังถูกโดดเดี่ยวอย่างหนักในเวทีโลก และเนื่องจากนานาชาติพร้อมใจกันต่อต้านสงครามที่รัสเซียเป็นฝ่ายรุกรานยูเครน ทำให้มอสโกอับจนหนทางจนถึงขั้นต้องหันไปพึ่งพาระบอบเผด็จการอย่างเกาหลีเหนือ
สำนักข่าว RIA ของรัสเซียอ้างคำแถลงของ ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ซึ่งระบุว่า ปูติน และ คิม มีการพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการส่ง “นักบินอวกาศเกาหลีเหนือ” ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจนอกโลก และรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้ง 2 ฝ่ายมีกำหนดพบปะหารือกันอีกครั้งที่เกาหลีเหนือในเดือน ต.ค.
ผู้นำ คิม ยังได้ออกปากเชื้อเชิญ ปูติน ให้ไปเยือนกรุงเปียงยางด้วยเช่นกัน ซึ่งสื่อ KCNA รายงานว่าผู้นำรัสเซีย “ตอบรับ” คำเชิญแล้ว ทว่ายังไม่มีการกำหนดวันเวลาที่ชัดเจน
ที่มา : รอยเตอร์