ราคาน้ำมันปรับลดในวันพุธ (13 ก.ย.) หลังพบคลังปิโตรเลียมสำรองสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสานและทองคำขยับลง จากข้อมูลเงินเฟ้อที่ร้อนแรงที่สุดในรอบ 14 เดือน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 32 เซนต์ ปิดที่ 88.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 18 เซนต์ ปิดที่ 91.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ พบว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศเพิ่มขึ้น 4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต๊อกเบนซินสำรองและน้ำมันกลั่น ซึ่งประกอบด้วยดีเซลและน้ำมันทำความร้อนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานในวันพุธ (13 ก.ย.) เอสแอนด์พี 500 และแนสแดคปิดบวก หลังข้อมูลเผยให้เห็นว่าราคาผู้บริโภคในเดือนสิงหาคมดีดตัวขึ้น กระชับความคาดหมายว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมในเดือนกันยายน
ดาวโจนส์ ลดลง 70.46 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,575.53 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 5.54 จุด (0.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,467.44 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 39.97 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,813.59 จุด
ราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ (CPI) เผยให้เห็นว่าราคาร้อนแรงขึ้นในเดือนสิงหาคมแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน สืบเนื่องจากการดีดตัวขึ้นของราคาพลังงาน แต่ดัชนี CPI ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ยังคงอยู่บนเส้นทางปรับลดตัวสู่ระดับเป้าหมายรายปี 2% ของทางธนาคารกลางสหรัฐฯ
เงินเฟ้อที่เหนียวแน่นในภาคบริการ ทำให้ยังคงมีความเป็นไปได้ในแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนพฤศจิกายน เวลานี้พวกนักลงทุนมองว่ามีโอกาส 97% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน แต่สำหรับเดือนพฤศจิกายน โอกาสลดลงเหลือ 61% สำหรับการคงอัตราดอกเบี้ย
ข้อมูลเงินเฟ้อรายเดือนของสหรัฐฯ ที่แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ฉุดให้ราคาทองคำในวันพุธ (13 ก.ย.) ปิดลบ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 2.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,932.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)