เจ้าหน้าที่รัสเซียเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ย.) ขึ้นบัญชีดำกำหนดให้ ดมิทรี มูราตอฟ ผู้สื่อข่าวที่คว้ารางวัลโนเบล ในฐานะ "สายลับต่างชาติ" ความเคลื่อนไหวที่บ่อยครั้งเล็งเป้าหมายเล่นงานพวกที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆ ของวังเครมลิน ในขณะเดียวกันทางมูลนิธิรางวัลโนเบล ยกเลิกหมายเชิญรัสเซีย อิหร่าน และเบลารุส เข้าร่วมพิธีรับรางวัลสาขาสันติภาพ หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง
สื่อมวลชนรัสเซีย อ้างกระทรวงยุติธรรมระบุว่า มูราตอฟ บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์โนวายา กาเซตา และผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2021 ร่วมกันอีกรายหนึ่ง เป็นหนึ่งในพลเมืองรัสเซียหลายคนที่ถูกเพิ่มเติมเข้าไปในบัญชีดำดังกล่าว
บุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นสายลับของต่างชาติจะถูกตรวจค้นโดยตำรวจและอยู่ภายใต้มาตรการลงโทษอื่นๆ ทั้งนี้ แม้ มูราตอฟ ยังคงอยู่ในรัสเซีย แต่หลายคนในบัญชีดังกล่าวได้เดินทางออกนอกประเทศนับตั้งแต่มอสโกเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 ในสิ่งที่เรียกว่าเป็นปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร
กระทรวงยุติธรรมระบุว่า มูราตอฟ สร้างและเผยแพร่เนื้อหาที่ผลิตโดยสายลับต่างชาติ และใช้มันแพร่กระจายความคิดเห็นในแง่ลบต่อนโยบายภายในประเทศและต่างประเทศของรัสเซีย บนแฟลตฟอร์มระหว่างประเทศทั้งหลาย
ภายใต้กฎหมายรัสเซีย บุคคลและองค์กรที่ได้รับเงินทุนจากต่างแดนมีสิทธิถูกประกาศให้เป็นสายลับต่างชาติ เสี่ยงบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของพวกเขาที่มีต่อประชาชนชาวรัสเซีย พวกที่ถูกมองว่าเป็นสายลับต่างชาติเหล่านี้จะถูกทำเครื่องหมายระบุหรือกำหนดขอบเขตสิทธิและหน้าที่ความรับผิดชอบในงานที่ตีพิมพ์ของพวกเขา เพื่อเน้นย้ำสถานะของคนเหล่านั้น
โนวายา กาเซตา และมูราตอฟ สร้างชื่อเสียงในต่างแดน สำหรับรายงานการสืบสวนที่บ่อยครั้งเป็นการวิพากษ์วิจารณ์วังเครมลิน ต่อมา มูราตอฟ นำรางวัลโนเบลออกประมูล โดยบอกว่าเงิน 103.5 ล้านดอลลาร์ที่ได้มาจะถูกใช้เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ผู้ลี้ภัยจากยูเครน
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์โนวายา กาเซตา ระงับตีพิมพ์ในปี 2022 ตอบสนองต่อกฎหมายฉบับหนึ่งซึ่งกำหนดบทลงโทษรุนแรงสำหรับการทำลายความน่าเชื่อถือของกองทัพรัสเซียและปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้หลายคน รวมตัวกันจัดตั้งหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่ในลัตเวีย
อีกด้านหนึ่งในวันเสาร์ (2 ก.ย.) มูลนิธิรางวัลโนเบล เปิดเผยว่าจะถอนคำเชิญเอกอัครราชทูตรัสเซีย เบลารุส และอิหร่าน สำหรับร่วมพิธีมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในสตอกโฮล์ม ในปีนี้ การกลับลำตัดสินใจที่มีขึ้นหลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
เมื่อปีที่แล้ว มูลนิธิรางวัลโนเบล งดออกคำเชิญเอกอัครราชทูตรัสเซียและพันธมิตรอย่างเบลารุส สืบเนื่องจากกรณีที่มอสโกรุกรานยูเครน
แต่ในวันพฤหัสบดี (31 ส.ค.) ทางมูลนิธิบอกว่าจะกลับมาเชิญพวกเขา รวมไปถึงเอกอัครราชทูตของอิหร่าน เข้าร่วมพิธิมอบรางวัลของปีนี้ ในเดือนธันวาคม โดยเน้นว่าต้องการนับรวมกับใครก็ตาม แม้ว่าฝ่ายนั้นจะไม่มีค่านิยมร่วมแห่งรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพก็ตาม
ถ้อยแถลงดังกล่าวกระตุ้นให้พวกผู้นำพรรคการเมืองหลายพรรคของสวีเดน ขู่คว่ำบาตรไม่เข้าร่วมพิธี และด้วยเหตุนี้ทางมูลนิธิจึงออกถ้อยแถลงในวันเสาร์ (2 ก.ย.) ระบุว่า "เราตระหนักถึงปฏิกิริยาอันรุนแรงในสวีเดน เพราะฉะนั้น เราจึงเลือกยกเว้นจากธรรมเนียมปฏิบัติตามปกติ ซ้ำรอยกับปีที่แล้ว นั่นคือจะไม่เชิญเอกอัครราชทูตรัสเซีย เบลารุส และอิหร่าน ร่วมพิธีมอบรางวัลโนเบลสันติภาพในสตอกโฮล์ม"
(ที่มา : รอยเตอร์)