ยูเครนเมื่อวันพุธ (23 ส.ค.) เปิดเผยว่าพวกเขาสามารถทำลายระบบต่อต้านอากาศยาน S-400 ของรัสเซียระบบหนึ่ง ซึ่งประจำการอยู่ในแหลมไครเมีย ดินแดนที่มอสโกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปี 2014 พร้อมเชื่อว่าความสำเร็จดังกล่าวสร้างความเสียหายแก่ระบบป้องกันภัยทางอากาศของพวกผู้รุกราน
"ตอนเวลาราว 10.00 น. ได้เกิดระเบิดขึ้น ทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยไกลและพิสัยกลางของรัสเซีย S-400 ตรีอุมฟ์" กระทรวงกลาโหมยูเครนระบุบนสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมกับเผยแพร่คลิปวิดีโอหนึ่งซึ่งเป็นภาพเหตุระเบิดครั้งใหญ่ กลุ่มควันขนาดใหญ่ลอยพวงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
กระทรวงกลาโหมยูเครนระบุต่อว่าเหตุระเบิดเกิดขึ้นใกล้หมู่บ้านโอเลนิฟา ในแหลมทาร์คานคุต และทำลาย "ระบบดังกล่าว ขีปนาวุธของมันและบุคลากรประจำระบบ" พร้อมบอกต่อว่า "มันก่อความเสียหายอย่างเจ็บปวดแก่ระบบป้องกันภัยทางอากาศของพวกผู้รุกราน"
อ้างอิงรายงานข่าวหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ระบุว่าระบบ S-400 หรือที่นาโตเรียกว่า SA-21 Growler มีความต่างจากระบบ S-300 ที่ระบบควบคุมต่างๆ ก้าวหน้ามากกว่า ยิงได้ระยะทางไกลกว่า นอกจากนี้ รัสเซียยังเคลมด้วยว่า S-400 สามารถยิงต่อสู้อากาศยานได้ทุกชนิดและทุกประเภท ตั้งแต่บี-52 จนถึงเครื่องบินล่องหนยุคที่ 5 ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ F-22 "แร็ปเตอร์" (Raptor) F-35 "ไลต์นิ่ง 2" (Lightning II) เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์รุ่นล่าสุดของสหรัฐฯ คือ B-2 ไปจนถึงขีปนาวุธโจมตีข้ามทวีป และยังสามารถล็อกเป้าหมายได้หลายสิบเป้าหมายในเวลาเดียวกันอีกด้วย
ถึงแม้ว่าทั้ง S-300 และ S-400 จะเป็น "ระบบป้องกัน" ในยามที่ถูกโจมตีทางอากาศด้วยจรวดที่ยิงจากอากาศยาน เรือรบหรือเรือดำน้ำ หรือโจมตีด้วยจรวดระยะไกล รวมทั้งด้วยขีปนาวุธข้ามทวีปก็ตาม แต่โลกตะวันตกเกรงว่า ด้วยระบบนำวิถีที่ก้าวหน้า รัสเซียสามารถทำให้จรวดพื้นสู่อากาศทั้ง 2 ระบบนี้เป็นแบบพื้นสู่พื้น คือ ทำลายเป้าหมายภาคพื้นดินได้เช่นกัน
ยังไม่มีความเห็นออกมาจากฝ่ายมอสโก แต่บรรดาบล็อกเกอร์ทหารชาวรัสเซีย มองว่าเหตุโจมตีระบบต่อต้านอากาศยาน S-400 ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงข้อบกพร่องต่างๆ ในศักยภาพการป้องกันตนเองของรัสเซีย
ช่องเทเลแกรมของไรบาร์ อินฟลูเอนเซอร์คนดัง ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 1.2 ล้านคน กล่าวว่า "เป็นอีกครั้งที่มีคำถามผุดขึ้นมาว่า ทำไมกองเรือของยูเครนถึงเข้ามาใกล้ชายฝั่งของไครเมียได้มากขนาดนี้ และมันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว"
รัสเซียระบุในวันอังคาร (22 ส.ค.) ว่าพวกเขาสามารถทำลายเรือของยูเครน 2 ลำในทะเลดำ แต่อินฟลูเอนเซอร์คนดังรายนี้บอกว่าแผนการดังกล่าวยังไม่เพียงพอ "เราจำเป็นต้องเอาชนะกองเรือยูเครนทั้งหมดอย่างเป็นระบบ และด้วยเหตุนี้มันจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในองค์กรของกองทัพเรือรัสเซีย"
โวเอนนีย ออสเวโดมิเทล ช่องเทเลแกรมอีกช่อง แสดงความคิดเห็นว่า การโจมตีได้ก่อคำถามอย่างชัดเจนเเกี่ยวกับคุณภาพของการป้องกันภัยทางอากาศ สำหรับคุ้มครองหนึ่งในแคว้นที่อ่อนแอต่อขีปนาวุธมากที่สุดแห่งหนึ่งของรัสเซีย
ทั้ง 2 ช่อง คาดการณ์ว่าการโจมตีดังกล่าวดำเนินการด้วยขีปนาวุธ หรือไม่ก็โดรน
แคว้นไครเมีย ดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีด้วยโดรนแทบทุกวันในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ในตอนเช้าวันพุธ (23 ส.ค.) กรุงมอสโกก็โดนโจมตีด้วยโดรนเป็นคืนที่ 6 ติดต่อกัน
ในเวลาต่อมา วลาดิสลาฟ ชาฟชา ผู้ว่าการแคว้นคาลูกา ทางใต้ของมอสโก เปิดเผยว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศในแคว้นของเขา ได้ทำการสกัดโดรนโจมตี 2 ลำ
(ที่มา : เอเอฟพี/mgronline)