“วอชิงตันโพสต์” สื่ออเมริกันทรงอิทธิพลชี้ ปฏิบัติการตอบโต้ของยูเครนกำลังจะหมดเวลาลงแล้ว และความล้มเหลวในสนามรบอาจทำให้การสนับสนุนจากนานาชาติหดหาย ด้าน “บิลด์” หนังสือพิมพ์ดังเมืองเบียร์ มองมี 3 ฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ซึ่งเคียฟต้องเผชิญ โดยในสถานการณ์เลวร้ายที่สุดก็คือ รัสเซียอาจเปิดปฏิบัติการตอบโต้บ้างและยึดดินแดนได้เพิ่ม
ในรายงานที่เผยแพร่วันอาทิตย์ (20 ส.ค.) วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ปฏิบัติการตอบโต้ของยูเครนที่เริ่มขึ้นเมื่อต้นเดือนมิถุนายนและเดิมทีคาดว่า จะทำให้เคียฟชิงดินแดนกลับคืนมาได้จำนวนมาก ขณะนี้ “กลับปรากฏสัญญาณชะงักงัน” โดยยึดคืนได้แค่ไม่กี่หมู่บ้าน ขณะที่กองทัพรัสเซียกำลังรุกคืบทางด้านภาคเหนือ ส่วนแผนการฝึกนักบินยูเครนใช้เครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ยังคงเลื่อนออกไป
รายงานนี้เพิ่มเติมว่า แม้เจ้าหน้าที่ยูเครนและตะวันตกอาจเรียกร้องให้ใจเย็น แต่เวลาสำหรับปฏิบัติการตอบโต้คราวนี้จะถูกจำกัดจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยของฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
วอชิงตันโพสต์เสริมว่า ถ้าไม่ได้อาวุธไฮเทคเพิ่มหรือถ้ากองกำลังที่พร้อมรบอย่างเต็มที่ทั้งหมดยังถูกกันเอาไว้เป็นกำลังสำรอง ปฏิบัติการตอบโต้ของยูเครนก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จครั้งใหญ่
รายงานนี้ยังเตือนว่า การที่เคียฟไม่สามารถอวดความสำเร็จที่ชัดเจนในสนามรบได้กำลังกระตุ้นความกังวลว่า การสู้รบกำลังชะงักงันและการสนับสนุนจากนานาชาติอาจหดหาย
นอกจากนี้ยังคาดว่า เสียงเรียกร้องให้วอชิงตันตัดความช่วยเหลือทางการทหารและการเงินแก่ยูเครนจะดังขึ้นในช่วงใกล้เลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024
ทั้งนี้ในสัปดาห์ที่แล้ว วอชิงตันโพสต์ยังเสนอรายงานโดยอ้างอิงบุคคลที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ระบุว่า ประชาคมข่าวกรองของสหรัฐฯเพิ่งมีการประเมินว่า การรุกตอบโต้ของยูเครนซึ่งกำลังอยู่ในเวลานี้จะไม่สามารถบรรลุจุดมุ่งหมาย นั่นคือการเจาะแนวป้องกันของรัสเซียและบุกตะลุยไปถึงเมืองเมลิโทโปล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน เช่นเดียวกับแผนการทำลายสะพานเชื่อมโยงระหว่างดอนบาสส์กับไครเมียในภูมิภาคซาโปริซเซียทางใต้ ก็จะไม่ประสบความสำเร็จภายในปีนี้เช่นกัน
ในอีกด้านหนึ่ง พอล รอนไซเมอร์ รองบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์บิลด์ ของเยอรมนี ได้วิเคราะห์สถานการณ์ของยูเครนในบทความที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ (19) ว่า เคียฟเผชิญกับ 3 ฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ ซึ่งแต่ละฉากทัศน์มีความเสี่ยงลดหลั่นกันไป และเตือนว่า ถ้าการปฏิบัติการตอบโต้ในขณะนี้ล้มเหลว รัสเซียอาจเปิดฉากบุกใหม่และยึดดินแดนได้เพิ่มขึ้น
สำหรับฉากทัศน์แรกนั้น รอนไซเมอร์ระบุว่า จนถึงตอนนี้รัฐบาลของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ยังคงมองแง่ดีและมุ่งมั่นผลักดันปฏิบัติการตอบโต้ต่อ แต่ถ้าสิ้นปียังไม่มีความคืบหน้าที่สำคัญ มีรายงานว่า เคียฟวางแผนจะเปิดปฏิบัติการตอบโต้ระลอกใหม่ในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
เขาเสริมว่า เจ้าหน้าที่ในเคียฟไม่พอใจมากขึ้นที่ตะวันตกวิจารณ์ยุทธวิธีตอบโต้ของตัวเอง และเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งยืนยันว่า พันธมิตรตะวันตกที่ให้การสนับสนุน ได้ร่วมวางแผนกับเคียฟมาทุกขั้นตอนอยู่แล้ว
บิลด์ชี้ว่า ยูเครนมองว่าตนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้อาวุธและกระสุนเพิ่มจากตะวันตก แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ มีแนวโน้มที่รัสเซียจะใช้การชะลอการรบในช่วงฤดูหนาวเสริมแนวป้องกันของตนเอง
สำหรับฉากทัศน์อย่างที่สองที่เคียฟอาจต้องเผชิญ คือ เดินหน้าปฏิบัติการตอบโต้ต่อควบคู่กับการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย อย่างไรก็ตาม การกลับลำ 360 องศาของเซเลนสกี้ในเรื่องนี้มีแนวโน้มว่า จะเผชิญการต่อต้านจากประชาชน
รอนไซเมอร์ย้ำว่า เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ผู้นำยูเครนลงนามกฤษฎีกาปิดโอกาสในการเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย นอกจากนั้นผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดยังพบว่า ชาวยูเครน 72% คัดค้านการเจรจากับมอสโก
ในส่วนฉากทัศน์ซึ่งจัดว่าเลวร้ายที่สุดสำหรับยูเครน จากการประเมินของรอนไซเมอร์ ก็คือ การปฏิบัติการตอบโต้ประสบภาวะชะงักงัน และรัสเซียเป็นฝ่ายเปิดปฏิบัติการตอบโต้บ้างและอาจเข้ายึดดินแดนบางส่วนในแคว้นคาร์คิฟได้
อย่างไรก็ดี จากการวิเคราะห์ของบิลด์ ฉากทัศน์นี้ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากฝ่ายตะวันตกประเมินว่ามอสโกต้องดิ้นรนหนักอยู่แล้วในการระดมกำลังเพื่อมาเสริมส่วนที่ได้สูญเสียไป
(ที่มา: อาร์ที, วอชิงตันโพสต์)