ความเป็นปรปักษ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครน อาจต้องลากยาวไปอีกหลายปีกว่าจะจบลง หรือกระทั่งหลายทศวรรษข้างหน้า จากเสียงเตือนของดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซียเมื่อวันเสาร์ (19 ส.ค.)
เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย โพสต์ข้อความบนเทเลแกรม ระบุว่า สำหรับรัสเซียแล้วมันคือความขัดแย้งเพื่อการดำรงอยู่และเป็นการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด และบอกว่ารัสเซียต้องทำลายและรื้อถอนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รัฐยูเครนที่มี "ก่อการร้ายอยู่ในแก่นแท้" และทำให้แน่ใจว่าสิ่งโสโครกนี้จะไม่โผล่ขึ้นมาอีก
"มันจะใช้เวลานานหลายปีหรือกระทั่งหลายทศวรรษก็ช่างมันเถอะ เราไม่มีทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นเราทำลายระบอบการเมืองที่เป็นปรปักษ์ของพวกเขา หรือในท้ายที่สุดแล้ว พวกตะวันตกร่วมจะฉีกรัสเซียเป็นชิ้นๆ และในกรณีนี้ พวกเขาจะย่อยยับไปพร้อมกับเรา ไม่มีใครต้องการเรื่องแบบนี้" เมดเวเดฟเขียน แย้มถึงการทำลายล้างทางนิวเคลียร์เต็มรูปแบบ
เมดเวเดฟ ระบุต่อว่า สำหรับตะวันตก ในทางตรงกันข้าม ความเป็นปรปักษ์ที่กำลังเกิดขึ้น คือสงครามของคนแปลกหน้า และแรงสนับสนุนของพวกเขาไม่อาจอยู่ได้ตลอดกาล และด้วยแนวทางความขัดแย้งเช่นนี้ แน่ใจว่าตะวันตกจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้
"สำหรับพวกเขา มันคือสงครามคนแปลกหน้า ซึ่งผู้คนที่เป็นคนแปลกหน้าของพวกเขากำลังตาย และในขณะที่พวกเขาไม่ได้รู้สึกเสียใจกับพวกที่เสียชีวิต ตะวันตกจะไม่มีวันไปไกลกว่าจุดๆ หนึ่ง ซึ่งผลประโยชน์ของพวกเขาเองได้รับผลกระทบมากเกินไป" อดีตประธานาธิบดีรัสเซียระบุ พร้อมเชื่อว่าในท้ายที่สุดแล้ว แรงสนับสนุนของตะวันตกที่มอบแก่ยูเครนจะเหือดหายไป ในขณะที่ไม่ช้าก็เร็ว สงครามของคนอื่นจะกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ มีค่าใช้จ่ายแสนแพงและไม่เกี่ยวข้องกัน
ตลอดเส้นทางความขัดแย้ง ตะวันตกไหลบ่าป้อนความช่วยเหลือทั้งด้านการทหารและเศรษฐกิจเข้าสู่ยูเครน พวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงจำนวนมากเน้นย้ำความปรารถนาที่จะเห็นรัสเซียประสบความพ่ายแพ้ในสมรภูมิ ในขณะที่มอสโกเรียกร้องซ้ำๆ ให้ตะวันตกหยุดมอบอาวุธแก่เคียฟ โดยเตือนว่าการกระทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้ความขัดแย้งลากยาว และก่อความเสียหายแก่ประชาชนชาวยูเครนมากกว่าเดิม โดยที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ใดๆ
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)