รายงานจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยเกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และผลิตวัสดุฟิสไซล์อย่างต่อเนื่องในปี 2023 รวมถึงละเมิดมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ ซึ่งมุ่งสกัดแหล่งรายได้ที่เปียงยางจะนำไปใช้พัฒนาอาวุธ
คณะผู้สังเกตการณ์อิสระซึ่งติดตามการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรได้ยื่นรายงานต่อคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น โดยระบุว่า “หลังจากที่มีการโจรกรรมทรัพย์สินทางไซเบอร์มากเป็นประวัติการณ์ 1,700 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 แฮกเกอร์เกาหลีเหนือยังคงประสบความสำเร็จในการจู่โจมเงินคริปโตฯ และธุรกรรมการเงินอื่นๆ ทั่วโลก”
คณะผู้สังเกตการณ์ซึ่งมีหน้าที่ส่งรายงานให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ ปีละ 2 ครั้ง กล่าวหาเกาหลีเหนือว่าใช้วิธีก่ออาชญากรรมไซเบอร์เพื่อหาเงินมาอุดหนุนโครงการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธ ขณะที่เปียงยางเองยืนกรานปฏิเสธข้อครหาเหล่านี้
คณะผู้สังเกตการณ์เผยว่า แฮกเกอร์ที่ทำงานให้หน่วยสอดแนมเกาหลีเหนือ (Reconnaissance General Bureau - RGB) “ยังคงใช้กลยุทธ์ทางไซเบอร์ที่สลับซับซ้อนเพื่อขโมยเงินทุนและข้อมูลต่างๆ”
“บริษัทด้านคริปโตเคอร์เรนซี กลาโหม พลังงาน และสุขภาพ คือเป้าหมายที่พวกเขาจ้องเล่นงานมากเป็นพิเศษ”
รายงานซึ่งคาดว่าจะถูกเผยแพร่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้ายังระบุด้วยว่า รัฐบาลโสมแดงยังคงส่งออกถ่านหินอย่างผิดกฎหมาย และหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรด้วยการใช้เรือลักลอบขนส่งน้ำมันกลั่นเข้าไปเกาหลีเหนือ
“แม้เกาหลีเหนือจะยังคงใช้มาตรการปิดพรมแดนเป็นส่วนใหญ่ แต่มูลค่าการค้ากลับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีการเปิดเส้นทางรถไฟ และสินค้าต่างชาติหลายรายการเริ่มกลับเข้าไปสู่ตลาดเกาหลีเหนืออย่างรวดเร็ว” รายงานระบุ
ด้านคณะเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรเกาหลีเหนือประจำยูเอ็นยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานนี้
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (10) ผู้นำ คิม จองอึน ได้สั่งปลดนายทหารระดับสูง และเรียกร้องให้กองทัพเตรียมความพร้อมสำหรับการทำสงครามด้วยการเร่งผลิคอาวุธ และขยายขอบเขตการซ้อมรบให้มากยิ่งขึ้น
เกาหลีเหนือตกอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของยูเอ็นมาตั้งแต่ปี 2006 และแม้บทลงโทษทางเศรษฐกิจเหล่านี้จะถูกขยายเพิ่มเติมขึ้นแทบทุกปี ทว่าคณะมนตรีความมั่นคงฯ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 15 ประเทศยังติดอุปสรรคที่ “จีน” และ “รัสเซีย” ที่มักจะขัดขวางญัตติเล่นงานเปียงยาง และพยายามโน้มน้าวให้ยูเอ็นผ่อนคลายคว่ำบาตรเพื่อดึงเกาหลีเหนือกลับสู่โต๊ะเจรจา
ที่มา : รอยเตอร์