xs
xsm
sm
md
lg

สงครามทำท่าจะแผ่ขยายออกนอกยูเครนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่นาโตไม่มีความพร้อมเลยสำหรับการสู้รบระดับกว้างขวางในยุโรป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สตีเฟน ไบรเอน ***


สถานที่เกิดการระเบิดขึ้นในเมืองตากันร็อก ของรัสเซียเมื่อวันศุกร์ (28 ก.ค.) (ภาพจากช่องเทเลแกรม ของวาซิลี โกลูเบฟ ผู้ว่าการแคว้นรอสตอฟ-ออน-ดอน)
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

The command center attacks in Russia and Ukraine
By STEPHEN BRYEN
30/07/2023

กองกำลังวากเนอร์ ไปรวมพลกันอยู่ที่เบลารุส ขณะที่โปแลนด์ก็โยกย้ายทรัพยากรด้านยานเกราะไปยังชายแดนซึ่งติดต่อกับเบลารุสและยูเครน นี่คือสูตรเพิ่มพูนอันตรายที่สงครามจะแผ่ขยายไปในยุโรปชัดๆ

กระทรวงกลาโหมรัสเซียเพิ่งรายงานว่า ในคืนวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา รัสเซียได้โจมตีที่ตั้งศูนย์บังคับบัญชาของฝ่ายยูเครนแห่งหนึ่งในเมืองดนิโปร (Dnipro มีอยู่ช่วงหนึ่งเคยเรียกว่า ดนีโปรเปตรอฟสก์ Dnipropetrovsk) ด้วย “อาวุธที่มีความแม่นยำ” หลังจากยูเครนเปิดการโจมตีใส่ที่ตั้งศูนย์บังคับบัญชาของฝ่ายรัสเซียที่เมืองตากันร็อก (Taganrog) ในแคว้นรอฟตอฟ (Rostov oblast) ของรัสเซีย
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.barrons.com/news/russian-army-says-struck-ukraine-command-post-in-dnipro-c4f7cb09)

ตามรายงานของฝ่ายรัสเซีย ขีปนาวุธยูเครนลูกที่ถูกยิงเข้าไปยังเมืองตากันร็อก ได้ถูกสอยร่วงทว่ามันหล่นลงใส่อาคารหลายหลังภายในเมือง โดยที่แห่งหนึ่งซึ่งได้รับความเสียหายคือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ อาวุธที่ยูเครนใช้คราวนี้เป็นขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศแบบ S-200 ที่ถูกดัดแปลงให้ใช้เล่นงานพวกเป้าหมายภาคพื้นดิน

ก่อนหน้านั้น 1 วัน คือเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้เดินทางไปเยือนเมืองดนิโปร ที่ซึ่งเขาได้มอบเหรียญรางวัลให้แก่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครน พล.อ.วาเลรี ซาลุซนี (Valerii Zaluzhny) และพบปะหารือกับพวกผู้บังคับบัญชาทหารของฝ่ายยูเครนจำนวนหนึ่ง ในจำนวนนี้ก็มีทั้ง พล.ท.โอเลคซานดร์ ซีร์สกยี (Oleksandr Syrskyi) และเจ้ากรมข่าวกรองทหาร พล.ต.คีรีโล บูดานอฟ (Kyrylo Budanov)

ฝ่ายข่าวกรองรัสเซียนั้นติดตามแกะรอยเซเลนสกีอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว ดังนั้นการที่เขาไปยังเมืองดนิโปร และประชุมหารือกับพวกนายพลยูเครนและผู้บังคับบัญชาทหารในภาคสนาม ตลอดจนเจ้ากรมข่าวกรองทหาร จึงอาจกลายเป็นการชี้เบาะแสที่ตั้งของศูนย์บังคับบัญชาในดนิโปร

พวกสื่อมวลชนของฝ่ายยูเครนเสนอข่าวโดยมุ่งชี้ไปว่า เป้าหมายที่ถูกรัสเซียโจมตีนั้นเป็นกลุ่มอาคารที่พักอาศัยซึ่งอยู่ใกล้ๆ อย่างไรก็ดี ผู้สังเกตการณ์บางรายคิดว่ากลุ่มอพาร์ตเมนต์ดังกล่าวได้รับความเสียหายเพราะเจอลูกหลงมากกว่า สืบเนื่องจากขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของฝ่ายยูเครนลูกหนึ่งร่วงลงใส่

มีคลิปวิดีโอบางคลิปที่กำลังเผยแพร่กัน รวมทั้งภาพถ่ายหลายๆ ภาพ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเสียหายบางส่วนที่เกิดขึ้น และมันดูหมือนกับฝ่ายรัสเซียน่าจะโจมตีโดนที่ตั้งศูนย์บังคับบัญชาทหารจริงๆ การบาดเจ็บล้มตายที่เกิดขึ้นจะหนักหนาขนาดไหนยังไม่เป็นที่ทราบกัน รายงานหลายชิ้นระบุว่ามีผู้คนบางส่วนถูกฝังอยู่ใต้กองปรักหักพัง ขณะที่โรงพยาบาลซึ่งอยู่ในท้องถิ่นได้ประกาศขอรับบริจาคเลือด อันเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าจำนวนของผู้บาดเจ็บจะต้องสูงทีเดียว

ยังไม่มีข้อมูลข่าวสารใดๆ ที่บอกให้ทราบว่ามีพวกผู้บังคับบัญชาทหารของยูเครนคนใดอยู่ในอาคารดังกล่าวหรือไม่เมื่อตอนที่มันถูกโจมตี และถ้ามีอยู่ พวกเขาคนไหนบาดเจ็บล้มตายไปหรือเปล่าจากการถูกถล่มคราวนี้

เป้าหมายในรัสเซีย

เวลาเดียวกันนี้ สงครามที่อยู่นอกเขตชายแดนของยูเครนก็กำลังแผ่ขยายออกไป ขณะที่ยูเครนดำเนินการไล่ล่ามุ่งโจมตีเป้าหมายต่างๆ ซึ่งตั้งอยู่ในดินแดนของรัสเซีย ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายยูเครนได้เปิดการใช้โดรนโจมตีที่มุ่งเล่นงานกรุงมอสโกอีกคำรบหนึ่ง ซึ่งฝ่ายรัสเซียบอกว่าพวกเขาสามารถยิงโดรนเหล่านี้ตก (ถึงแม้มันยังคงสามารถก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นเมื่อมันร่วงลงพื้น)

อย่างไรก็ดี การโจมตีตากันร็อก คือเรื่องสำคัญที่สุดเมื่อมองจากทัศนะของฝ่ายรัสเซีย เนื่องจากมันพุ่งเป้าเล่นงานโครงสร้างบังคับบัญชาทหาร อีกทั้งเป็นสถานที่ซึ่ง พล.อ.วาเลรี เก-ราซิมอฟ (Valery Gerasimov) ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของกองทัพรัสเซีย และพวกผู้นำทางทหารคนอื่นๆ ไปชุมนุมกันอยู่ก่อนหน้านั้น ฝ่ายยูเครนได้ข่าวกรองพิเศษเจาะจงอะไรหรือไม่ จึงทำให้เปิดการโจมตีในวันที่ 28 กรกฎาคม ใส่สถานที่ซึ่งอาจมีพวกนายทหารใหญ่รัสเซียอยู่ตรงนั้น นี่เป็นสิ่งที่เราไม่ทราบกัน รวมทั้งเราก็ไม่ทราบว่ามีผู้บังคับบัญชาทหารฝ่ายรัสเซียคนไหนหรือไม่ที่ถูกเล่นงานในการโจมตีของฝ่ายยูเครนคราวนี้

เวลาเดียวกันนั้น การรุกโจมตีของฝ่ายยูเครนก็ยังคงดำเนินต่อไป และกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าสร้างความเสียหายหนักให้แก่ทั้งสองฝ่าย แต่ยูเครนนั้นย่ำแย่จากความสูญเสียในระดับที่สูงกว่า การรุกคราวนี้ ซึ่งที่สำคัญแล้ววางแผนขึ้นโดยพวกมือปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร มีจุดมุ่งหมายที่จะหาทางเอาชนะการป้องกันของฝ่ายรัสเซียโดยอาศัยกำลังอันแข็งกร้าวดุดันเป็นสำคัญ ปรากฏว่ายูเครนสามารถยึดพื้นที่อะไรเล็กๆ น้อยๆ ได้บ้าง ถึงแม้บ่อยครั้งมักถูกฝ่ายรัสเซียช่วงชิงกลับคืนไปได้

ฝ่ายรัสเซียพูดกันว่า ยูเครนกำลังใช้กองทหารที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีเยี่ยมที่สุดและมีประสบการณ์มากของสุดของตนเข้าสู้รบ และกำลังปฏิบัติการโดยแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพในระดับสูง กองทหารเหล่านี้คือกำลังที่ผ่านการฝึกจากองค์การนาโต และดูเหมือนว่ามีขวัญกำลังใจดีเยี่ยม อย่างไรก็ตาม การทำให้กองกำลังชั้นเยี่ยมที่สุดในกองทัพของคุณต้องร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ โดยที่แทบไม่มีคุณค่าทางยุทธศาสตร์ซึ่งจะมารองรับความพยายามลงทุนลงแรงเอาเลยเช่นนี้ ในท้ายที่สุดก็อาจบีบบังคับให้รัฐบาลยูเครนต้องหวนกลับมาทบทวนประเมินค่าความพยายามในสงครามคราวนี้กันใหม่

ยังมีความกังวลกันในวอชิงตันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ในไม่ช้าไม่นานสงครามนี้อาจจะกระเซ็นลามปามออกไปนอกยูเครน โดยที่ โปแลนด์ อยู่ในอันดับสูงมากในบัญชีรายชื่อสถานที่ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นจุดร้อนระอุขึ้นมา ทั้งฝ่ายโปแลนด์และฝ่ายรัสเซียต่างมีการท้าทายยั่วยุกันอย่างแข็งขัน โดยที่มีกองกำลังวากเนอร์เคลื่อนเข้าไปในเบลารุส และโปแลนด์ก็จัดส่งทรัพยากรหุ้มเกราะเข้าไปที่ชายแดนซึ่งอยู่ติดต่อกับเบลารุสและยูเครน

นาโตกำลังอยู่ในฐานะที่ย่ำแย่เลวร้ายมากๆ หากจะต้องให้ความสนับสนุนสงครามที่ขยายวงกว้างขวางยิ่งขึ้นในยุโรป นาโตขาดแคลนทั้งกองทหาร (สหรัฐฯ เวลานี้กำลังเรียกระดมทหารกองหนุนสำหรับที่จะจัดส่งไปประจำการในยุโรปตะวันออก) และพวกเครื่องกระสุนที่จำเป็นทั้งหลาย และนาโตก็อยู่ในสภาพที่อ่อนเปราะมากในเรื่องการป้องกันภัยทางอากาศและเรื่องยานเกราะ

ด้านฝ่ายรัสเซียนั้นอยู่ในช่วงของการเริ่มเรียกระดมทหารขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นเสมือนลางบอกเหตุถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการสู้รบขัดแย้งกันในขอบเขตที่กว้างไกลยิ่งขึ้นกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายรัสเซียยังไม่ได้พูดอ้อมค้อมต่อไปแล้วเกี่ยวกับ “การปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ในยูเครน โดยเวลานี้พวกเขาใช้ถ้อยคำที่ตรงไปตรงมากล่าวถึงสงครามที่เกิดขึ้นว่าเป็นสงครามรัสเซียสู้รบกับนาโต

โดยสรุปแล้ว การสู้รบขัดแย้งครั้งนี้กำลังพลิกโฉมแปลงร่างอย่างไม่มีทางยับยั้งได้ และในไม่ช้าไม่นานอาจหลุดออกนอกเหนือการควบคุมเมื่อพิจารณาจากมุมมองของความพยายามที่จะจำกัดขอบเขตให้มันยังคงเป็นสงครามซึ่งสู้รบกันบนดินแดนของยูเครนเป็นสำคัญ เรื่องนี้ยังตอกย้ำให้เห็นจากการที่มีทหารอาสาสมัครต่างชาติเข้าไปสู้รบอยู่ในยูเครน โดยจำนวนมากของพวกเขาเป็นชาวโปแลนด์ แล้วก็มีพวกผู้ชำนาญการชาวอเมริกันและชาวสหราชอาณาจักรผนวกพ่วงเข้าไปอยู่ในกลุ่มกำลังสู้รบต่างๆ ของยูเครนอีกด้วย

ยุโรปนั้น พูดง่ายๆ ว่าไม่ได้มีการเตรียมพร้อมเอาเลยสำหรับการทำสงครามที่อาจจะเป็นการสู้รบบนดินแดนของพวกเขาเอง ขณะเดียวกันแทบไม่มีความพยายามฉวยใช้ก้าวเดินต่างๆ ที่อาจสามารถหันเหเบี่ยงเบนออกจากวิกฤตการณ์ที่จะมีขนาดใหญ่โตยิ่งขึ้นไปอีก

สตีเฟน ไบรเอน เป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่ที่ Center for Security Policy และ Yorktown Institute ข้อเขียนนี้หนแรกสุดเผยแพร่อยู่ในบล็อก Substack, Weapons and Strategy ของผู้เขียน
กำลังโหลดความคิดเห็น