หยวนก้าวขึ้นมาแซงหน้าดอลลาร์ของสหรัฐฯ ในฐานะสกุลเงินที่ถูกใช้มากที่สุดในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศโดยรวมของจีน ในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ตามรายงานของนิกเกอิเอเชียเมื่อกลางสัปดาห์ อ้างอิงข้อมูลสถิติจากสำนักงานบริหารเงินตราต่างประเทศของจีน (State Administration of Foreign Exchange - SAFE)
อ้างอิงการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว หนังสือพิมพ์นิกเกอิเอเชีย ชี้ว่า ตัวเลขการใช้เงินหยวนที่เพิ่มขึ้นมีแรงขับเคลื่อนส่วนใหญ่มาจากการเปิดช่องของตลาดทุนและการค้าขายเพิ่มขึ้นกับรัสเซีย
จากข้อมูลพบว่าเงินหยวนถูกใช้คิดเป็นสัดส่วน 49% ในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนของจีนในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา แซงหน้าดอลลาร์เป็นครั้งแรก การชำระเงินระหว่างประเทศที่ใช้สกุลเงินหยวนเติบโตขึ้น 11% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 1.51 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการชำระเงินด้วยสกุลเงินดอลลาร์ลดลง 14% สู่ระดับ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ข้อมูลอย่างเป็นทางการพบด้วยว่า ตลอดทั้งปี 2022 การชำระเงินระหว่างประเทศด้วยสกุลเงินหยวน รวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 42.1 ล้านล้านหยวน (5.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
แม้ว่าสัดส่วนการใช้สกุลเงินหยวนในการชำระเงินระดับโลกยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ แต่มันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากความพยายามของจีนในการโปรโมตสกุลเงินของตนเอง โดยรัฐบาลจีนอนุญาตให้ชำระเงินทางการค้าด้วยสกุลเงินหยวนเป็นครั้งแรกในปี 2009 ในนั้นรวมถึงชำระค่าขนส่ง บริการและโอนเงินบัญชีเดินสะพัด เช่นเดียวกับชำระหนี้ธุรกรรมทางการเงิน
จีนเร่งความพยายามหลีกหนีการใช้ดอลลาร์ในการค้าระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น ตามหลังตะวันตกกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอย่างกว้างขวางเล่นงานรัสเซีย ชาติผู้ผลิตและส่งออกพลังงานรายสำคัญของโลก ในขณะที่คณะผู้กำหนดนโยบายของอินเดียใช้ก้าวย่างต่างๆ บ่ายหน้าจากดอลลาร์เช่นกัน โดยหันไปใช้รูเบิล และรูปีในการค้าขายร่วมกันกับมอสโก
ในส่วนของรัสเซีย ได้ยกระดับการใช้สกุลเงินทางเลือกในการทำธุรกรรมต่างๆ มาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แนะนำว่าสกุลเงินหยวนควรถูกใช้กว้างขวางยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่ในการค้ากับจีน แต่ยังรวมถึงการทำธุรกรรมระหว่างรัสเซียกับประเทศต่างๆ ในแอฟริกาและละตินอเมริกา
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจากธนาคารกลางรัสเซีย พบว่าหยวนเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในการค้าต่างประเทศของรัสเซีย
(ที่มา : นิกเกอิเอเชีย/อาร์ทีนิวส์)
