กองทัพยูเครนได้รับระเบิดลูกปราย หรือระเบิดพวง (cluster bombs) ตามที่สหรัฐฯ รับปากไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามคำสัญญาจะช่วยเสริมศักยภาพปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ที่มีความคืบหน้าค่อนข้างล่าช้าของยูเครน จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของ 2 ประเทศในวันพฤหัสบดี (13 ก.ค.)
"เราเพิ่งได้รับพวกมัน เรายังไม่ได้ใช้มัน แต่มันสามารถก่อการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว (ในสมรภูมิรบ)" นายพลโอเล็กซานด์ร ทาร์นาฟสกี ผู้บัญชาการแนวรบใต้ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐฯ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ เปิดเผยว่าจะส่งมอบกระสุนคลัสเตอร์ให้แก่ยูเครน เพื่อช่วยเหลือเคียฟในการสู้รบกับกองกำลังรัสเซียผู้รุกราน แม้มีความกังวลว่ามันก่อความเสี่ยงแก่พลเรือนในระยะยาวจากลูกระเบิดขนาดเล็กที่ไม่ทำงาน
"พวกศัตรูคงตระหนักด้วยเช่นกันว่า ด้วยการได้กระสุนนี้ เราจะมีความได้เปรียบ" นายพลทาร์นาฟสกี กล่าว พร้อมระบุกองกำลังยูเครนจะไม่ใช้อาวุธนี้ในพื้นที่ที่มีพลเรือนพักอาศัยอยู่หนาแน่น
พลโทดักลาส ซิมส์ แห่งกองทัพสหรัฐฯ ยืนยันในเวลาต่อมาเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว โดยบอกว่า "กระสุนคลัสเตอร์อยู่ในยูเครนแล้ว"
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ของยูเครนที่ไม่ความก้าวหน้าในอัตราล่าช้ากว่าที่คาดหมาย พลโทซิมส์ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "นี่คือการศึกสงครามที่ยากลำบาก ภูมิประเทศสาหัสมากๆ เมื่อคุณพิจารณาทั้งหมดทั้งมวลนี้ มันถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว"
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ บอกว่าการมอบกระสุนคลัสเตอร์แก่ยูเครน เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากอย่างมาก แต่เน้นย้ำว่ายูเครนจำเป็นต้องได้รับกระสุนพิเศษเพื่อเติมเต็มคลังที่ร่อยหรอของพวกเขา
คลัสเตอร์บอมบ์ถูกห้ามโดยประเทศต่างๆ มากกว่า 100 ชาติทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป ผ่านการลงนามในอนุสัญญาออสโลปี 2008 สืบเนื่องจากความเสี่ยงก่ออันตรายแก่พลเรือน ทั้งนี้ โดยปกติแล้วมันปลดปล่อยระเบิดขนาดเล็กกว่าที่สามารถเข่นฆ่าชีวิตโดยไม่เลือกหน้าในพื้นที่หนึ่งเป็นบริเวณกว้าง ส่วนกระสุนลูกที่ไม่ระเบิดนั้นเสี่ยงก่ออันตรายเป็นเวลานานหลายทศวรรษ หลังความขัดแย้งสิ้นสุดลง
รัสเซีย ยูเครน และสหรัฐฯ ต่างไม่ได้ลงนามในอนุสัญญาดังกล่าว
เครมลินกล่าวเตือนว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ หากยูเครนใช้อาวุธชนิดนี้กับกองกำลังของพวกเขา
(ที่มา : เอเอฟพี)
