เศรษฐกิจรัสเซียยังคงต้านทานได้อย่างเข้มแข็งต่อมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก จากคำอวดอ้างของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ พร้อมเปิดเผยว่า การค้าระหว่างรัสเซียกับจีน หันมาใช้สกุลเงินรูเบิลกับหยวน คิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% และเรียกร้องให้ชาติอื่นๆทำตาม ในความพยายามลดพึ่งพิงดอลลาร์สหรัฐ
คำพูดดังกล่าวของปูติน เกิดขึ้น ณ การประชุมทางไกลซัมมิตองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ประจำปี 2023 ที่มีอินเดียเป็นเจ้าภาพ ซึ่งถือเป็นเวทีการประชุมนานาชาติแรกของผู้นำรายนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์พวกนักรบวากเนอร์ก่อกบฏในรัสเซีย เมื่อเดือนที่แล้ว
ปูติน สนับสนุนการทำข้อตกลงทางการค้าระหว่างชาติสมาชิกองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ด้วยสกุลเงินท้องถิ่น ส่วนหนึ่งในความพยายามบรรเทาผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก ที่กำหนดออกมาตามหลังรัสเซียรุกรานยูเครน
รายงานข่าวของบีบีซี ระบุว่า ประธานาธิบดีปูติน ใช้เวทีการประชุมนี้เป็นการส่งสารท้าทายไปยังตะวันตก โดยบอกว่า "รัสเซียต้านทานมาตรการคว่ำบาตรจากภายนอกเหล่านี้ได้ทั้งหมด รวมถึงแรงกดดันและการยั่วยุที่ยังคงก่อตัวขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน"
ปูติน ปรากฏตัวต่อสาธารณะมาแล้วหลายครั้งนับตั้งแต่กลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ก่อกบฏช่วงสั้นๆ ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน แต่มันถือเป็นครั้งแรกที่เขาถูกพบเห็นอยู่ร่วมกับกลุ่มผู้นำนานาชาติ
"ผมอยากขอบคุณสหายของผมจากประเทศต่างๆ ในองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ซึ่งแสดงความสนับสนุนการกระทำต่างๆ ของผู้นำรัสเซีย ในการปกป้องหลักรัฐธรรมนูญ รวมถึงชีวิตและความปลอดภัยของพลเรือน" เขาบอกกับที่ประชุมทางไกล จากวังเครมลินในกรุงมอสโก
ผู้นำรายนี้เผยด้วยว่าเวลานี้การทำธุรกรรมทางการค้าระหว่างจีนกับรัสเซีย หันมาใช้สกุลเงินรูเบิลกับหยวน คิดเป็นสัดส่วนแล้วกว่า 80% และเรียกร้องให้สมาชิกอื่นๆ ขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ดำเนินการแบบเดียวกัน
ตามรายงานของอาร์ทีนิวส์ ระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ ดูเหมือนว่าดอลลาร์สหรัฐไม่ได้รับความสนใจไยดีอีกต่อไปแล้ว ในเรื่องเกี่ยวกับการค้าระหว่างจีนกับรัสเซีย
นอกจากนี้ ปูตินยังแสดงความยินดีที่เบลารุส พันธมิตรของรัสเซีย สมัครเข้าเป็นสมาชิกถาวรขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ในปีหน้า
ในส่วนของ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย เจ้าภาพการประชุมเรียกร้องสมาชิกยกระดับการค้า การเชื่อมต่อและความร่วมมือทางเทคโนโลยี เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้พาดพิงโดยตรงถึงสงครามในยูเครนหรือท่าทีก้าวร้าวขึ้นเรื่อยๆ ของจีนในอินโด-แปซิฟิก โดยอินเดียซึ่งมีประวัติศาสตร์ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด จำเป็นต้องเดินทางอยู่บนสมดุลทางการทูต เนื่องจากพวกเขามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับตะวันตกมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
(ที่มา : บีบีซี/อาร์ทีนิวส์)
