ไม่สนเสียงค้าน! จนท.สหรัฐฯ ยันเองเอาแน่ แผนมอบอาวุธต้องห้าม 'คลัสเตอร์บอมบ์' ให้ยูเครนจัดการรัสเซีย

สหรัฐฯ มีแผนส่งระเบิดพวง (cluster bomb) ไปให้ยูเครน เพื่อช่วยเคียฟสู้รบต่อต้านรัสเซียผู้รุกราน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างเจ้าหน้าที่อเมริกาในวันพฤหัสบดี (6 ก.ค.) ความเคลื่อนไหวที่ถูกคัดค้านโดยกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย แต่มันจะมอบส่วนประกอบใหม่ที่ทรงพลานุภาพแก่ปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กลับของยูเครน

แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 3 คนซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับรอยเตอร์ คาดหมายว่าแพกเกจอาวุธใหม่นี้ ในนั้นรวมถึงกระสุนคลัสเตอร์ ที่ยิงโดยปืนใหญ่ฮาวอิตเซอร์ 155 มม. จะมีการแถลงอย่างเร็วที่สุดในวันศุกร์ (7 ก.ค.) ในขณะที่มาตรการดังกล่าวอยู่ภายใต้การพิจารณาอย่างจริงจังมาเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์แล้ว

ทำเนียบขาวเคยบอกว่าการส่งกระสุนคลัสเตอร์แก่ยูเครน "อยู่ภายใต้การพิจารณาอย่างกระตือรือร้น" แต่ยังไม่มีการแถลง ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีกำหนดเข้าร่วมประชุมซัมมิตนาโต ในลิวทัวเนีย ในสัปดาห์หน้า ท่ามกลางความคาดหมายว่าประเด็นเกี่ยวกับสงครามในยูเครนจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของการประชุม

กลุ่มสิทธิมนุษยชนฮิวไแมนไรท์วอตช์ เรียกร้องรัสเซียและยูเครนหยุดใช้กระสุนคลัสเตอร์และเรียกร้องสหรัฐฯ อย่าจัดหากระสุนดังกล่าว ทางกลุ่มอ้างว่าทั้งรัสเซียและยูเครนต่างเคยใช้อาวุธนี้ ซึ่งสังเวยชีวิตพลเรือนยูเครนไปจำนวนมาก

ระเบิดพวงมีอัตราความคลาดเคลื่อนผิดพลาดจากเป้าหมายและไม่ระเบิดสูง ทำให้ลูกระเบิดขนาดเล็กตกค้างเป็นเวลานานหลายทศวรรษ บนพื้นดินในดินแดนต่างๆ ที่เคยเกิดความขัดแย้ง ด้วยเหตุนี้มันจึงก่อให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสียชีวิตของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ได้ในภายหลัง และจากข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงกระตุ้นให้ประเทศต่างๆ มากกว่า 110 ชาติ ในนั้นรวมถึงสมาชิกนาโตหลายประเทศแบนการใช้ระเบิดพวงภายในอนุสัญญาฉบับหนึ่งของสหประชาชาติ ย้อนกลับไปในปี 2008

สหรัฐฯ ไม่ได้เข้าร่วมในอนุสัญญาดังกล่าว แต่แบนการส่งออกระเบิดพวงที่มีอัตรากระสุนด้านมากกว่า 1% ในปี 2009 การแบนครอบคลุมคลังอาวุธที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด ทว่าประธานาธิบดี ไบเดน สามารถระงับใช้ข้อห้ามเกี่ยวกับกระสุนนี้ อย่างเช่นที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยทำในฐานะประธานาธิบดี เมื่อเดือนมกราคม 2021 ซึ่งเขาเปิดทางให้ส่งออกเทคโนโลยีกระสุนคลัสเตอร์ไปเกาหลีใต้

ยูเครนเร่งเร้ามานานให้สมาชิกสภาคองเกรสกดดันรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน อนุมัติส่งมอบคลัสเตอร์บอมบ์แก่พวกเขา ที่มีชื่อเรียกว่าระสุนระเบิดทวิประสงค์ (Dual-Purpose Conventional Improved Munitions หรือ DPICM)

โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ระบุว่ารัฐบาลไบเดน กำลังพิจารณาส่ง DPICM แก่ยูเครน แต่กระสุนเหล่านี้จะมีอัตรากระสุนด้านต่ำกว่า 2.35% หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของเพตากอน เปิดเผยกองทัพอเมริกาเชื่อว่าคลัสเตอร์บอมบ์จะเป็นประโยชน์สำหรับยูเครน แต่ที่พวกเขายังไม่อนุมัติให้เคียฟ เพราะว่าข้อบังคับของสภาคองเกรสและความกังวลในหมู่พันธมิตร

ปัจจุบันกองทัพสหรัฐฯ ใช้งบประมาณมากกว่า 6 ล้านดอลลาร์ต่อปี ในการปลดระวางกระสุนปืนใหญ่คลัสเตอร์ 155 มม. และกระสุนเก่าเก็บอื่นๆ อ้างอิงจากเอกสารงบประมาณ การส่ง DPICM ให้ยูเครนจะช่วยผ่อนคลายภาวะขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่ขนาดมาตรฐาน 155 มม. ที่วอชิงตันจัดหาให้แก่เคียฟ ในปริมาณมหาศาล

ในแพกเกจที่เตรียมแถลงออกมา ซึ่งคาดหมายว่าจะมีมูลค่าสูงสุด 800 ล้านดอลลาร์ ทางยูเครนจะได้รับกระสุนสำหรับระบบยิงจรวดด้วยปืนใหญ่เคลื่อนที่คล่องตัวสูง (HIMARS) ด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับยานยนต์ภาคสนาม อย่างเช่น ยานเกราะจู่โจมแบรดลีย์ และยานลำเลียงพลหุ้มเกราะสไตรเกอร์

เจ้าหน้าที่ระบุว่าแพกเกจนี้อยู่ระหว่างสรุปและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยมันจะใช้งบประมาณผ่านอำนาจของประธานาธิบดีตามกฎหมายส่งมอบสิ่งของและบริการยามฉุกเฉิน (Presidential Drawdown Authority) ซึ่งให้อำนาจ ไบเดน โอนถ่ายสิ่งของและการบริการจากคลังแสงของสหรัฐฯ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ระหว่างสถานการณ์ฉุกเฉินหนึ่งๆ และสิ่งของเหล่านี้จะมาจากคลังสำรองส่วนเกินของอเมริกา

สหรัฐฯ อนุมัติแพกเกจความช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่ยูเครนไปแล้ว 42 รอบ นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 รวมแล้วคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 40,000 ล้านดอลาร์ อย่างไรก็ตามยูเครนกำลังกดดันของเครื่องบินขับไล่จากตะวันตกรอบใหม่ ในนั้นรวมถึงเอฟ-16 ในขณะที่พวกเขากำลังเดินหน้าปฏิบัติการโจมตีตอบโต้

"เอฟ-16 หรือยุทโธปกรณ์อื่นๆ ที่เราต้องการ จะมอบโอกาสให้เราเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้น ปกป้องชีวิตได้มากขึ้น ยืนหยัดในพื้นที่ของเราได้ในระยะยาว" ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซีนิวส์ ที่ออกอากาศในวันพฤหัสบดี (6 ก.ค.)

(ที่มา : รอยเตอร์)