ยูเครนคุยชิงดินแดนคืนจากรัสเซียได้เพิ่มขึ้น ท่ามกลางการสู้รบที่ยากลำบากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่หน่วยข่าวกรองมอสโกระบุสกัดความพยายามลอบสังหารผู้นำไครเมียสำเร็จ ด้านอดีตประธานาธิบดีเมดเวเดฟ ของแดนหมีขาวเตือน การเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับตะวันตกจะยืดเยื้อนานหลายทศวรรษ และความขัดแย้งกับยูเครนจะเป็นความขัดแย้งถาวร
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวยอมรับในวันจันทร์ (3 ก.ค.) ว่า “สัปดาห์ที่แล้วมีความยากลำบากที่แนวหน้า แต่เรากำลังมีความคืบหน้า เรากำลังรุกไปข้างหน้า ทีละก้าวๆ”
ขณะที่ ฮันนา มัลยาร์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมยูเครน แถลงวันเดียวกันว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กองกำลังยูเครนสามารถปลดปล่อยดินแดนภาคทางตะวันออกจากการยึดครองของรัสเซียได้เพิ่มขึ้น 9 ตารางกิโลเมตร และอีก 28 ตารางกิโลเมตรทางภาคใต้ รวมทั้งยังประสบความสำเร็จในปฏิบัติการรุกตอบโต้ใกล้ๆ เมืองเมลิโทโพล และแบร์เดียนสก์
มัลยาร์เสริมว่า นับจากเริ่มปฏิบัติการรุกตอบโต้จนถึงขณะนี้ยู เครนชิงดินแดนคืนได้แล้วกว่า 158 ตารางกิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม มัลยาร์ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.ค.) ว่า รัสเซียสามารถรุกคืบใกล้เมืองสวาโทฟ แอฟดิฟกา มารีอินกา และลีแมน ก่อนสำทับว่า สถานการณ์ซับซ้อนอย่างยิ่ง และกองทัพยูเครนกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดรอบๆ เมืองบัคมุตที่วากเนอร์ กรุ๊ป บริษัททหารรับจ้างของรัสเซียยึดได้ก่อนหน้านี้ และเวลานี้มีกองทหารประจำการของรัสเซียเฝ้ารักษาอยู่
เวลาเดียวกันนั้น พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนยังคงไม่พอใจที่ตะวันตกจัดส่งอาวุธที่สัญญาจะมอบให้อย่างล่าช้า
วาเลรี ซาลุซนี ผู้บัญชาการทหารของยูเครน ให้สัมภาษณ์วอชิงตันโพสต์ว่า ไม่พอใจอย่างมากที่มีตะวันตกบางชาติบ่นว่า ปฏิบัติการตอบโต้ของยูเครนล่าช้า และสำทับว่า เคียฟมีกระสุนปืนใหญ่แค่เศษเสี้ยวของที่ถูกรัสเซียโจมตี
ทางด้านรัสเซีย รัฐมนตรีกลาโหมเซียร์เก ชอบกู แถลงในวันจันทร์ (3) ว่า “ยูเครนไม่ได้บรรลุเป้าหมายใดๆ ของตนในภาคส่วนใดๆ ของการสู้รบเลย” เขาอ้างด้วยว่าพวกรถถังลีโอพาร์ดซึ่งโปแลนด์และโปรตุเกสจัดหามาให้แก่ยูเครนนั้น เวลานี้ถูกทำลายไปเกือบหมดแล้ว
ชอยกู ยังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการก่อกบฏของกลุ่มวากเนอร์เป็นครั้งแรกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลต่อปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครนแต่อย่างใด พร้อมกับบอกว่า แผนก่อกบฏล้มเหลวลงที่สำคัญที่สุดนั้น “เนื่องจากบุคลากรของกองทัพแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ภักดีต่อคำปฏิญาณตนที่พวกเขาให้ไว้ และต่อการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทหาร”
วันเดียวกันนั้น อันเดรย์ คาร์ทาโพลอฟ ประธานคณะกรรมาธิการกลาโหมสภาดูมาหรือสภาผู้แทนราษฎรของรัสเซีย ก็แสดงความเห็นด้วยว่า รัสเซียไม่จำเป็นต้องเกณฑ์ทหารเพิ่มเพื่อแทนที่กองกำลังวากเนอร์ที่ถอนออกจากยูเครนหลังก่อกบฏล้มเหลวลง
ในอีกด้านหนึ่ง หน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย (เอฟเอสบี) เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า สามารถทำลายแผนลอบสังหาร เซียร์เก อัคซีโอนอฟ ผู้นำของคาบสมุทรไครเมียที่ได้รับการแต่งตั้งจากมอสโก และเวลานี้ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นผู้ที่เกิดในรัสเซียเมื่อปี 1988 และทำงานให้หน่วยงานความมั่นคงของยูเครน หรือหน่วยเอสบียู
เอฟเอสบีแจงว่า จับกุมผู้ต้องสงสัยได้ขณะพยายามถอดอุปกรณ์ระเบิดจากที่ซ่อน
ด้านอัคซีโอนอฟขอบคุณเอฟเอสบีที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการโจมตี และประกาศว่า จะนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์รอสซีอิสกายา กาเซตาของรัฐบาลรัสเซียฉบับวันจันทร์ ได้ตีพิมพ์บทความของ ดมิตริ เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซียที่ปัจจุบันเป็นรองประธานสภาความมั่นคง ที่กล่าวเตือนว่า การเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับตะวันตกจะยืดเยื้อนานหลายทศวรรษ และความขัดแย้งกับยูเครนจะกลายเป็นความขัดแย้งกันอย่างถาวร
เมดเวเดฟแจงว่า ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับตะวันตกขณะนี้เลวร้ายกว่าระหว่างวิกฤตขีปนาวุธคิวบาปี 1962 ที่โลกอยู่บนขอบเหวมหันตภัยนิวเคลียร์มาก
เขาเสริมว่า สงครามนิวเคลียร์ “เป็นไปได้อย่างมาก” แต่ไม่มีแนวโน้มว่า จะมีผู้ชนะ
เมดเวเดฟสำทับว่า เป้าหมายของมอสโกยังคงเดิมคือขัดขวางไม่ให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ซึ่งรัสเซียจะทำให้สำเร็จไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม
เขายังอ้างอิงกฎของนาโตในการงดรับประเทศที่มีความขัดแย้งด้านดินแดนเข้าเป็นสมาชิก โดยบอกว่า ความขัดแย้งกับยูเครนจะกลายเป็นความขัดแย้งถาวรที่ยืดเยื้อหลายสิบปี
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)