ยังคงมีเวลาโน้มน้าวปักกิ่งไม่ให้ใช้กำลังรวมชาติไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่ จากความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงสุดแห่งสหรัฐฯ ตามรายงานของสำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกาในวันเสาร์ (1 ก.ค.)
พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันศุกร์ (30 มิ.ย.) ว่าแม้ข่าวว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกร้องให้กองทัพจีนเตรียมพร้อมสำหรับรุกรานไต้หวันภายในปี 2027 แต่ไม่พบสิ่งบ่งชี้ว่าเขาได้ตัดสินใจเลือกหนทางใดหนทางหนึ่งไปแล้ว
ระหว่างพูดกับผู้ฟัง ณ สมาคมสื่อมวลชนแห่งชาติ ในวอชิงตัน พล.อ.มิลลีย์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเปิดทางให้สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ มีเวลาที่้จะแสดงให้ประธานาธิบดีสี เห็นว่าการใช้กำลังเป็นความคิดแย่ๆ "คุณต้องการทำให้แน่ใจว่าในทุกวัน ประธานาธิบดีสีจะตื่นขึ้นมาและบอกว่า วันนี้ยังไม่ใช่วันนั้น และการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวจะไม่มีวันเกิดขึ้นเลย"
ความเห็นของ พล.อ.มิลลีย์ เป็นไปตามกรอบการวิเคราะห์บรรดาเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองระดับสูงของสหรัฐฯ ซึ่งชี้ว่าส่วนใหญ่ในช่วงขวบปีที่ผ่านมา ดูเหมือน สี จะอยากรวมชาติกับไต้หวันอย่างสันติมากกว่า
อย่างไรก็ตามพ วกเจ้าหน้าที่และนักวิเคราะห์บางส่วนแสดงความกังวลว่าการรุกรานยูเครนของรัสเซีย อาจกระตุ้นให้ปักกิ่งเสี่ยงทำสงครามกับไต้หวัน ส่วนคนอื่นๆ เตือนว่าดูเหมือนจีนกำลังเรียนรู้บทเรียนจากความล้มเหลวของรัสเซีย
พล.อ.มิลลีย์ กล่าวในวันศุกร์ (30 มิ.ย.) ว่าตราบใดที่สหรัฐฯ และพันธมิตรยังคงมีความได้เปรียบทางทหารเหนือจีน แม้จะลดน้อยลงเรื่อยๆ ผ่านการอัปเกรดและปรับปรุงกองทัพให้มีความทันสมัย เมื่อนั้นก็ยังคงสามารถโน้มน้าวให้ปักกิ่งคงกองกำลังอยู่อีกฟากหนึ่งของช่องแคบไต้หวัน
นอกจากนี้ เขายังตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อท่าทีปัจจุบันของสหรัฐฯ ที่มีต่อจีนและไต้หวัน โดยบอกว่าอเมริกาและพันธมิตรมีศักยภาพที่จะสนับสนุนทั้งยูเครนและไต้หวัน แม้บางอย่างทับซ้อนกันในเรื่องระบบอาวุธและกระสุน "มันไม่ใช่เกมที่มีคนได้และมีคนเสีย มันไม่ใช่แบบนั้น ยังมีพันธมิตรและคู่หูอื่นๆ อีก (ในการช่วยไต้หวัน) ไม่ได้มีแค่สหรัฐฯ เท่านั้น"
ความตึงเครียดด้านการทหารระหว่างสหรัฐฯ และจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ย้อนกลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ ครั้งที่เพนตากอนกล่าวหาบอลลูสอดแนมระดับสูงของจีน ลอยเหนือน่านฟ้าของอเมริกา
เจ้าหน้าที่จีนยืนยันว่าวัตถุดังกล่าวเป็นบอลลูนสภาพอากาศ ปฏิเสธหลักฐานจากวอชิงตันที่ว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่บนบอลลูนนั้นมีไว้สำหรับการสอดแนม
ทั้งนี้ ประเด็นความตึงเครียดระหว่าง 2 ฝ่ายมีปัญหาแทรกแซงขึ้นมา เมื่อบรรดาผู้นำของกองทัพจีนปฏิเสธพูดคุยหารือกับเหล่าผู้นำทางทหารของสหรัฐฯ
พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่ายังคงเปิดประตูสำหรับความเป็นไปได้ของการเจรจาระหว่างกองทัพของทั้ง 2 ฝ่าย โดยบอกว่าการติดต่อสื่อสารดังกล่าวมีความสำคัญ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดที่อาจนำมาซึ่งความขัดแย้ง และในเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ พล.อ.มิลลีย์ พาดพิงถึงระหว่างให้สัมภาษณ์ในวันศุกร์ (30 มิ.ย.) "ประวัติศาสตร์ภูมิยุทธศาสตร์ของศตวรรษนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวตัดสินความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ว่าพวกเขายังคงเป็นคู่แข่งขันหรือเอียงเข้าหาสงครามมหาอำนาจ"
(ที่มา : วอยซ์ออฟอเมริกา)