การที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ถูกท้าทายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนโดยพวกนักรบวากเนอร์ เปิดโปงให้เห็นถึงรอยร้าวใหม่ในอำนาจของเขา ซึ่งอาจส่งผลในอีกหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนข้างหน้า จากความเห็นของแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์ (25 มิ.ย.)
บลิงเคน และบรรดาสมาชิกสภาคองเกรส แสดงความคิดเห็นระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ว่าสถานการณ์ความยุ่งเหยิงในรัสเซียเมื่อวันเสาร์ (24 มิ.ย.) สร้างความอ่อนแอแก่ปูติน ในหนทางต่างๆ ที่อาจเป็นตัวส่งเสริมปฏิบัติการของยูเครนในการโจมตีตอบโต้กองกำลังรัสเซียในดินแดนของตนเอง ขณะเดียวกัน เป็นประโยชน์กับบรรดาชาติเพื่อนบ้านทั้งหลายของมอสโก ในนั้นรวมถึงโปแลนด์ และเหล่าประเทศแถบบอลติก
"ผมไม่คิดว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นเป็นความเคลื่อนไหวสุดท้าย" บลิงเคนให้สัมภาษณ์กับรายการ "ดิสวีค" ของสถานีโทรทัศน์เอบีซี ตามหลังเหตุการณ์กองกำลังที่นำโดย เยฟเกนี พริโกซิน ก่อกบฏ ก่อนที่ยกเลิกปฏิบัติการในเวลาต่อมา
บลิงเคน เชื่อว่าความตึงเครียดที่จุดชนวนความเคลื่อนไหวขยายตัวขึ้นมานานหลายเดือน และความเสี่ยงเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ความยุ่งเหยิงภายในประเทศ อาจส่งผลกระทบต่อศักยภาพทางทหารของมอสโกในยูเครน
"เราพบเห็นรอยร้าวเพิ่มเติมปรากฏขึ้นในลักษณะภายนอกของรัสเซีย มันยังเร็วเกินที่จะบอกอย่างแท้จริงว่าพวกเขาจะมุ่งหน้าสู่ทิศทางไหน และเมื่อไหร่มันจะเกิดขึ้น แต่แน่นอนว่า เรามีข้อสงสัยใหม่ที่ว่า ปูติน กำลังจะเผชิญปัญหาในอีกหลายสัปดาห์และหลายเดือนข้างหน้า" บลิงเคนกล่าว
บลิงเคน เรียกสถานการณ์ความยุ่งเหยิงดังกล่าวว่าเป็นปัญหาภายในของปูติน "โฟกัสของเราในยูเครนยังคงหนักแน่นและไม่ผ่อนแรง ทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะมีสิ่งที่จำเป็นสำหรับป้องกันตนเอง และทวงคืนดินแดนที่รัสเซียยึดไป"
บรรดาเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คาดหมายว่าจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเร็วๆ นี้ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัสเซีย ในนั้นรวมถึงรายละเอียดของตกลงระหว่างมอสโกกับพริโกซิน ที่มีประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก แห่งเบลารุส เป็นคนกลาง ที่ทำให้พวกนักรบวากเนอร์ยอมถอนทัพกลับสู่ฐานที่มั่นของตนเอง "บางทีอาจเป็นเพราะ ปูติน ไม่ต้องการลดตัวมาเจรจาโดยตรงกับพริโกซิน" บลิงเคนให้ความเห็น
กองกำลังที่นำโดยพริโกซิน อดีตพันธมิตรของปูติน เป็นแกนนำในการสู้รบนองเลือดของรัสเซียในสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อมานาน 16 เดือน และ บลิงเคน กล่าวกับเอบีซีต่อว่า "ขอบเขตความว้าวุ่นและความแตกแยกของรัสเซียอาจทำให้ปฏิบัติการรุกรานยูเครนเป็นไปอย่างยากลำบากมากขึ้น"
ไมค์ เทอร์เนอร์ ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวในยูเครนในอนาคตของปูติน อาจต้องเผชิญอุปสรรคจากคำกล่าวอ้างของ พริโกซิน ที่ว่าเหตุผลของการรุกรานยูเครนอยู่บนพื้นฐานของการโกหก "คำพูดดังกล่าวทำให้ ปูติน เจองานยากขึ้นมากในการหันหน้าเข้าหาประชาชนชาวรัสเซีย แล้วบอกว่า เรายังคงควรส่งคนของเราไปตาย"
ฟิลิป บรีดเลิฟ นายพลปลดเกษียณกองทัพอากาศสหรัฐฯ อดีตผู้บัญชาการกองบัญชาการยุโรปแห่งกองทัพสหรัฐฯ มองว่าความยุ่งเหยิงครั้งนี้เป็นการลดระดับศักยภาพของรัสเซีย "ผมเชื่อว่า หนึ่งในผลลัพธ์ของ 36 ชั่วโมงหลังสุด หรืออาจ 48 ชั่วโมง คือสถาบันต่างๆ ที่เราพบเห็นมานานว่ามั่นคงอย่างมากในรัสเซีย กำลังอ่อนแอลงอย่างช้าๆ เวลานี้ทั้งสถาบันทางทหาร ภาพลักษณ์ของสิ่งที่กองทัพรัสเซียเป็นอ่อนแอลงอย่างมาก"
เบน คาร์ดิน วุฒิสภาชิกสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าความยุ่งเหยิงในรัสเซียจะไม่ทำให้อเมริกาผ่อนมือจากการมอบความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่ยูเครน ในขณะที่เคียฟอยู่ระหว่างดำเนินการโจมตีตอบโต้ครั้งใหญ่เล่นงานรัสเซีย "นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งสำหรับยูเครน ปฏิบัติการโจมตีตอบโต้นี้กำลังเป็นตัวกำหนดของจุดหมายปลายทางในอีกขวบปี หรือ 2 ปีข้างหน้า"
ปิดท้ายที่ ดอน เบคอน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรีพับลิกัน อดีตนายพลแห่งกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการด้านอาวุธแห่งสภาผู้แทนราษฎร บอกกับเอ็นบีซี ว่าความอ่อนแอของปูติน จะเป็นประโยชน์กับบรรดาเพื่อนบ้านของรัสเซีย ในนั้นรวมถึงฟินแลนด์ เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย และโปแลนด์
(ที่มา : รอยเตอร์/บีบีซี)