จีนซัดคืนโครมใหญ่ในวันพุธ (21 มิ.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เรียกประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ว่าเป็น “ผู้เผด็จการ” โดยบอกว่า คำพูดของประมุขอเมริกันนั้นไร้สาระ และมุ่งยั่วยุ ทั้งนี้การกลับมาทะเลาะเบาะแว้งกันอีกอย่างไม่คาดหมายครั้งนี้ บังเกิดขึ้นภายหลังจากทั้งสองฝ่ายเพิ่งใช้ความพยายามเพื่อที่จะลดทอนความตึงเครียดระหว่างกันลง
ไบเดนแสดงความคิดเห็นแบบโม้เมาธ์แตกของเขาคราวนี้เมื่อวันอังคาร (20) หรือเพียง 1 วันหลังจากรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน เดินทางไปเยือนปักกิ่ง เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองกลับมีเสถียรภาพขึ้นมา โดยที่ฝ่ายจีนบอกว่าสายสัมพันธ์นี้กำลังอยู่ในช่วงตกต่ำย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการสถาปนาขึ้นอย่างเป็นทางการทีเดียว
ขณะเข้าร่วมในงานระดมทุนเพื่อใช้ในการหาเสียงทางการเมืองที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ไบเดนกล่าวกับพวกผู้บริจาคเงินว่า ว่า สี รู้สึก “อับอายขายหน้า” มาก หลังจากที่บอลลูนสอดแนมของจีนลอยออกนอกเส้นทางจนมาเข้าน่านฟ้าสหรัฐฯ เมื่อต้นปีนี้ ซึ่งถือเป็นการฟื้นฝอยข้อพิพาทที่ บลิงเคน เอ่ยเมื่อวันจันทร์ (19) ว่า “ควรจะจบได้แล้ว”
“สี จิ้นผิง โกรธเอามากๆ ตอนที่ผมสั่งยิงบอลลูนที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์สอดแนม ก็เพราะว่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันอยู่ที่นั่น” ไบเดน กล่าว
“มันเป็นเรื่องน่าอับอายมากสำหรับพวกผู้นำเผด็จการเมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง บอลลูนนั่นไม่ควรที่จะมุ่งมาทางนี้ มันถูกพัดลอยออกนอกเส้นทาง”
ไบเดน ยังบอกด้วยว่า จีนกำลัง “เผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจขั้นรุนแรงอย่างแท้จริง”
เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงข่าวตามปกติเมื่อวันพุธว่า คำพูดเหล่านี้ของ ไบเดน “ไร้สาระอย่างที่สุด” รวมทั้ง “ไม่มีความรับผิดชอบ”
ในการแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งของจีน โฆษกหญิงผู้นี้ระบุว่า การแสดงความคิดเห็นของ ไบเดน เป็นการละเมิดทั้งข้อเท็จจริง พิธีการทางการทูต และเกียรติศักดิ์ศรีทางการเมืองของจีนอย่างร้ายแรง
“มันคือการยั่วยุทางการเมืองอย่างเปิดเผย” เธอบอก และกล่าวด้วยว่า “จีนไม่พอใจอย่างแรงกล้าและคัดค้านเรื่องนี้อย่างหนักแน่น”
เมื่อถูกถามว่า สี ตระหนักรับรู้แค่ไหนเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของบอลลูนเจ้าปัญหาลูกนั้น เหมา ตอบโดยย้ำคำอธิบายที่จีนใช้มาแต่เดิม นั่นคือ การที่บอลลูนลูกนั้นลอยผ่านน่านฟ้าของสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้มีเจตนา และเกิดขึ้นสืบเนื่องจากสภาวการณ์ต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม
“สหรัฐฯ ควรที่จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างสุขุม มีเหตุมีผล และเป็นมืออาชีพ ทว่าสหรัฐฯ กลับบิดเบือนข้อเท็จจริง ใช้อำนาจโดยมิชอบ และป่าวร้องให้เรื่องบานปลายขยายตัวออกไป ซึ่งเป็นการเปิดเผยให้เห็นอย่างเต็มที่ถึงธรรมชาติที่มุ่งวางตัวเป็นเจ้าใหญ่นายโตเหนือใครและเที่ยวข่มเหงรังแกคนอื่นของพวกเขา” เหมา บอก
นอกจากจีนแล้ว รัสเซียก็วิพากษ์วิจารณ์การแสดงความเห็นคราวนี้ของไบเดนด้วย โดยที่ทำเนียบเครมลินแถลงวันพุธว่า สิ่งที่ไบเดนพูดออกมาเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงนโยบายการต่างประเทศ “ที่ไม่สามารถคาดหมายได้” ของวอชิงตัน
“นี่คือการประกาศนโยบายการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ทำให้มองเห็นถึงความขัดแย้งกันเองอย่างมากๆ และชี้ให้เห็นว่ามันมีส่วนประกอบสำคัญประการหนึ่ง นั่นคือ การไม่สามารถทำนายคาดหมายได้” ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวกับผู้สื่อข่าว
“ปากบิ๊กเมาธ์”
“ปากบิ๊กเมาธ์ของ ไบเดน เป็นเหมือนปืนใหญ่ที่เที่ยวพ่นพิษอะไรออกมาไปทั่วอย่างควบคุมไม่ได้” เป็นความเห็นของ อู่ ซินโป (Wu Xinbo) ผู้อำนวยการของศูนย์เพื่ออเมริกันศึกษา แห่งมหาวิทยาฟู่ตั้น ในเซี่ยงไฮ้
“ความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันคือสิ่งที่จีนกำลังเน้นย้ำอยู่ ดังนั้น การแสดงความเห็นของ ไบเดน คราวนี้ จึงมีผลในทำลายล้างเอามากๆ และกำลังสร้างความเสียหาย” อู่ บอก
กระนั้น เขาไม่คิดว่าคำพูดครั้งนี้ของไบเดน จะเป็นการทำลายอย่างสิ้นเชิง สำหรับสิ่งที่ บลิงเคน เพิ่งบรรลุผลมาจากการเดินทางไปเยือนจีนของเขา
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)