บลิงเคนถึงปักกิ่งเข้าพบรัฐมนตรีจีน มะกันคาดคงไม่บรรลุข้อตกลงสำคัญ

รอยเตอร์ - บลิงเคนเดินทางถึงปักกิ่งในวันอาทิตย์ (18 มิ.ย.) ซึ่งถือเป็นนักการทูตระดับสูงคนแรกของอเมริกาที่เยือนจีนในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางความสัมพันธ์ตึงเครียดและแนวโน้มริบหรี่ที่สองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกคู่นี้จะพบทางออกสำหรับความขัดแย้งมากมายหลายประเด็น

หลังจากเลื่อนแผนการเยือนเดิมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ อันเนื่องมาจากบอลลูนสอดแนมต้องสงสัยของจีนลอยเหนือน่านฟ้าอเมริกา แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สุดของรัฐบาลอเมริกาที่เดินทางเยือนจีนนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม 2021

ระหว่างการเยือนซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันจันทร์ (19 มิ.ย.) บลิงเคนจะพบกับฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศ และหวัง อี้ นักการทูตระดับสูงของจีน และอาจรวมถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อพยายามเปิดช่องทางการสื่อสารที่เปิดกว้างและยั่งยืนเพื่อให้แน่ใจว่า ความเป็นปฏิปักษ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศจะไม่ลุกลามเป็นความขัดแย้ง

การเยือนของบลิงเคนยังถูกคาดหมายว่า จะปูทางไปสู่การประชุมทวิภาคีมากขึ้นในเดือนต่อๆ ไป ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่เจเน็ต เยลเลน และจีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีคลังและรัฐมนตรีพาณิชย์ของอเมริกาตามลำดับ จะเตรียมการเพื่อจัดการพบปะระหว่างสีกับไบเดนระหว่างการประชุมสุดยอดพหุภาคีปลายปีนี้ โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (17 มิ.ย.) ไบเดนแสดงความหวังว่า จะได้พบกับผู้นำจีนในหลายเดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ การพบกันช่วงสั้นๆ ของทั้งคู่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซียช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามเย็นยุคใหม่ แต่หลังกรณีบอลลูนจีนที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นบอลลูนสอดแนมบินเข้าสู่น่านฟ้าอเมริกาเมื่อต้นปี แทบไม่มีการสื่อสารระดับสูงเกิดขึ้นเลย

การเยือนของบลิงเคนมีแนวโน้มว่าจะถูกจับตาอย่างใกล้ชิดเนื่องจากหากความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจคู่นี้ลุกลามอาจส่งผลต่อทั่วโลกในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่ตลาดการเงิน จนถึงเส้นทางการค้า ตลอดจนถึงแนวทางปฏิบัติและห่วงโซ่อุปทาน

เจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวระหว่างที่เครื่องบินแวะเติมเชื้อเพลิงที่โตเกียวว่า ทั้งอเมริกาและจีนตระหนักถึงความจำเป็นในการกำหนดช่องทางการสื่อสารระดับอาวุโส รวมทั้งตระหนักว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการลดความเสี่ยงของการคำนวณผิดพลาดหรือยุติการทำให้ความสัมพันธ์จมดิ่ง

ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตกต่ำลงทุกด้าน กระตุ้นความกังวลว่า วันหนึ่งอาจมีการปะทะทางทหารในประเด็นไต้หวันซึ่งจีนอ้างว่า เป็นดินแดนของตน วอชิงตันและปักกิ่งยังงัดข้อกันในอีกหลายประเด็นตั้งแต่การค้า ความพยายามของอเมริกาในการขัดขวางอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีน และปัญหาสิทธิมนุษยชนในจีน

ประเด็นที่เพื่อนบ้านของจีนกังวลอย่างมากคือ การที่ปักกิ่งลังเลในการหารือทางทหารเป็นประจำกับวอชิงตันตามที่อเมริกาพยายามเรียกร้อง

ระหว่างการแถลงข่าวก่อนออกเดินทางเมื่อวันศุกร์ (16 มิ.ย.) บลิงเคนกล่าวว่า การเยือนของตนมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ข้อ ได้แก่ การจัดตั้งกลไกจัดการวิกฤต การส่งเสริมผลประโยชน์ของอเมริกาและพันธมิตรและการหารือเกี่ยวกับข้อกังวลที่เกี่ยวข้องโดยตรง สุดท้ายคือการสำรวจแนวโน้มการร่วมมือระหว่างกัน

ไบเดนสำทับว่า การทำให้แน่ใจว่าการแข่งขันกับจีนจะไม่ลุกลามเป็นความขัดแย้งต้องเริ่มต้นด้วยการสื่อสาร ทั้งยังกล่าวว่า จะหารือกับจีนเรื่องพลเมืองอเมริกันที่ถูกควบคุมตัวในข้อหาที่วอชิงตันมองว่า มีแรงจูงใจทางการเมือง

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งระบุว่า หัวข้อที่จะมีการหารืออาจรวมถึงการเพิ่มเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างสองประเทศเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน แม้คาดว่าอาจไม่มีความคืบหน้าก็ตาม

ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังออกตัวว่า ไม่คาดหวังว่าการเยือนของบลิงเคนจะมีความคืบหน้ามากนัก พร้อมระบุว่า เป้าหมายหลักของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คือ การหารืออย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา และสร้างสรรค์