ไต้หวันเปิดระบบป้องกันภัยหลังจีนส่งเครื่องบินรบทั้งหมด 37 ลำ เข้าสู่เขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศภายในเวลา 6 ชั่วโมง พวกผู้เชี่ยวชาญชี้ปฏิบัติการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “ยุทธศาสตร์พื้นที่สีเทา” เพื่อเพิ่มความกดดันไทเปอย่างต่อเนื่อง
ซุน ลี่ฟาง โฆษกกระทรวงกลาโหมไต้หวันแถลงในวันพฤหัสบดี (8 มิ.ย.) ว่า ตั้งแต่เวลา 5.00 น. จนถึง 11.00 น.ของวันเดียวกัน ไต้หวันตรวจพบเครื่องบินของกองทัพอากาศจีนรวม 37 ลำ ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งเครื่องบินขับไล่แบบเจ-11 และแบบ เจ-16 ตลอดจนเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ เอช-6 ที่สามารถติดอาวุธนิวเคลียร์ บินเข้าสู่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (เอดีไอแซด) ของไต้หวัน
ทั้งนี้ เอดีไอแซดของไต้หวันครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างขวางกว่าเขตน่านฟ้าของเกาะแห่งนี้เสียอีก โดยทับซ้อนกับบางส่วนของเอดีไอแซดของจีน และยังครอบคลุมกระทั่งน่านฟ้าเหนือแผ่นดินใหญ่บางส่วน
คำแถลงเสริมว่า เครื่องบินรบของจีนเหล่านี้บางลำได้เลยไปยังด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อฝึกซ้อมการสอดแนมทางอากาศ และการบินในระยะไกล และไต้หวันตอบโต้ด้วยการส่งเครื่องบินและเรือเฝ้าติดตามสถานการณ์ รวมทั้งเปิดทำงานระบบขีปนาวุธภาคพื้นดิน
ทางด้านกระทรวงกลาโหมจีนยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
แม้ไม่ใช่การรุกล้ำด้วยเครื่องบินจำนวนมากที่สุดในปีนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 เมษายน ด้วยจำนวนเครื่องบิน 45 ลำ แต่เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด
ทั้งนี้ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา จีนซึ่งถือว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน ได้ส่งเครื่องบินของกองทัพอากาศบินเฉียดใกล้เกาะไต้หวันเป็นประจำ
เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากจีนและรัสเซียเสร็จสิ้นการบินลาดตระเวนทางอากาศร่วมกันเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกเมื่อวันพุธ (7) ซึ่งถือเป็นเฟสที่ 2 หลังจากก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน จีนและรัสเซียก็ร่วมปฏิบัติภารกิจเดียวกันนี้เหนือทะเลญี่ปุ่นและทะเลจีนตะวันออก จุดชนวนความกังวลให้ญี่ปุ่นเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ
นอกจากนี้ การระดมเครื่องบินรบออกมาใกล้ไต้หวันของจีนครั้งนี้ ยังเกิดขึ้นหลังจากอเมริกา ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่นเพิ่งเสร็จสิ้นการร่วมฝึกซ้อมหน่วยยามฝั่งในทะเลจีนใต้เมื่อวันพุธ ทั้งนี้ จีนประกาศอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนทะเลจีนใต้แทบทั้งหมด ซึ่งทับซ้อนกับข้ออ้างของอีกหลายประเทศ รวมทั้งของไต้หวัน ที่สืบทอดการอ้างสิทธิเช่นนี้ตั้งแต่ที่เกาะแห่งนี้ยังประกาศตนอย่างแข็งขันว่าเป็นตัวแทนแต่ผู้เดียวของจีนทั้งหมดในนามสาธารณรัฐจีน
พวกนักวิเคราะห์มองว่า การที่จีนเพิ่มความถี่ในการทดสอบเอดีไอแซดของไต้หวัน เป็นส่วนหนึ่งของ “ยุทธศาสตร์พื้นที่สีเทา” เพื่อกดดันไทเปอย่างต่อเนื่อง
การเพิ่มการฝึกซ้อมทางอากาศและทางทะเลของจีนรอบเกาะไต้หวันยังมักเกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่ไทเปมีความเกี่ยวพันทางการทูตกับประเทศอื่นๆ มีการซ้อมรบร่วมรอบเกาะ หรือให้การต้อนรับการเยือนของนักการเมืองตะวันตก
ตัวอย่างเช่นเดือนเมษายนที่ผ่านมาจีนซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน 3 วัน โดยจำลองการปิดล้อมเกาะ เพื่อตอบโต้การพบกันระหว่างเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีไช อิงเหวิน ของไต้หวัน ที่แคลิฟอร์เนีย
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)